ในปีพุทธศักราช 2503 หลวงปุ่สุภาได้ตัดสินใจสร้างสำนักวิปัสสนา ขึ้นที่เขาเกาะสิเหร่ เรื่องการสร้างวัดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยุ่งยากสำหรับท่าน เนื่องจากท่านมีประสบการณ์ในการสร้างวัด กระทั่งสำเร็จมาแล้ว 33 วัด
วัดเขาเกาะสิเหร่ จึงเริ่มดำเนินการก่อสร้างขึ้น โดยมีหลวงพ่อสุภา กนฺตสีโล เป็นผู้ดำเนินงาน ด้วยความสนับสนุนของญาติโยม ผู้มีจิตศรัทธา วัดเขาเกาะสิเหร่ ได้ดำเนินการก่อสร้างไปอย่างต่อเนื่อง ท่านใช้เวลาในการก่อสร้าง 6 ปี อาคารส่วนใหญ่ที่ใช้ประกอบศาสนกิจจำเป็นต่างๆ ก็สำเร็จ ถือได้ว่าเป็นวัดที่สมบูรณ์ ร่มรื่นและสะดวกสบาย เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมอีกวัดหนึ่ง โดยสิ้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อให้คล้องจองกับเกาะสิเหร่ซึ่งชาวภูเก็ตทั่วๆ ไป เรียกว่า "เขาหมอน" หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล จึงปรารภกับ คุณสวัสดิ์ อุทัยศรี ศุลกากรเขตภูเก็ตว่า จะสร้างพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) ขนาดความยาวประมาณ 20 เมตร ญาติโยมทั้งหลายต่างอนุโมทนาเห็นดีด้วย จึงจัดกฐินและผ้าป่าไปถวายเพื่อไปสมทบทุนสร้างพระพุทธไสยาสน์ อันเป็นปูชนียวัตถุสำคัญ และถือเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต
พระพุทธไสยาสน์ได้เริ่มก็สร้างขึ้นในปีพุทธศักราช 2504 ใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาทเช่นกัน เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ขนาดความยาวองค์ตลอด 18.5 เมตร ประดิษฐานไว้บนยอดเขาเกาะสิเหร่
เมื่อสร้างเสร็จ หลวงปู่ได้ทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานแววพระเนตร จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้ตามคำกราบบังคมทูลขอ แต่ในขณะนั้นยังมิได้มีพระวิหาร เพื่อกำบังพระพุทธไสยาสน์ มีโรงไม้หลังคาสังกะสีใช้เป็นการชั่วคราวเท่านั้น หลวงพ่อมีความประสงค์จะสร้างพระวิหารถาวร สำหรับพระพุทธไสยาสน์องค์นี้ เพื่อเป็นการโดยเสด็จพระราชกุศลให้สมพระเกียรติ ท่านจึงเดินทางจากเกาะสิเหร่เข้ามากรุงเทพฯ เพื่อพบกับอาจารย์ชุม ไชยคีรี ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างพระมาแล้วหลายครั้ง เพื่อขอความร่วมมือในการนำเอาว่านยา และแร่ธาตุที่ท่านได้สะสมไว้ ครั้งที่ท่านเดินธุดงค์แถบประเทศลาว เขมร และพม่า สร้างขึ้นเป็นองค์พระ ไว้มอบให้แก่ศิษยานุศิษย์ ผู้มีจิตศรัทราร่วมทุนสร้างพระวิหาร วัตถุมงคลชิ้นนั้นคือ "พระเสด็จกลับ" เป็นพระผงผสมว่าน ซึ่งเป็นสุดยอดวัตถุมงคลของหลวงปู่ต่อมา
หลวงพ่อสุภา กนฺตสีโล ได้สร้างปูชนียสถาน และปูชนียวัตถุสำคัญต่างๆ ในทางพระพุทธศาสนาจากวัสดุธรรมชาติ วิธีการนี้หลวงปู่สีทัตต์ พระอาจารย์องค์แรกของท่าน เคยใช้มาก่อนในการสร้างพระธาตุที่วัดท่าอุเทนอันใหญ่โต และสวยงามได้สำเร็จ แม้ว่าจะใช้งบประมาณมิใช่น้อย แต่หลวงปู่สีทัตต์ก็สามารถทำได้สำเร็จด้วยการหาปัจจัยมาก่อสร้าง จากสิ่งที่เป็นธรรมชาติ คือการทำวัตถุมงคลจากวัสดุธรรมชาติ จำพวกว่านที่หายาก แต่มีบริจาค จนกระทั่งพระธาตุท่าอุเทนสำเร็จลงเช่นเดียวกัน หลวงพ่อสุภา ได้ใช้วิธีการสร้างวัด และสิ่งสำคัญในทางพุทธศาสนาสำเร็จมาแล้วหลายแห่ง แต่ละครั้งก็ทำวัตถุมงคลตามที่ได้ศึกษาร่ำเรียนมา ทั้งจากหลวงปู่สีทัตต์และหลวงปู่ศุข วัตถุมงคลของท่านจึงเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เพราะเชื่อกันว่ามีอานุภาพมาก
หลังจากหลวงพ่อสุภา กนฺตสีโล ได้สร้างวัดเกาะสิเหร่สำเร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จัดการทำพิธีมอบหมายวัดให้กับพระภิกษุที่ไว้วางใจได้รูปหนึ่งเป็นผู้ดูแลเหมือนกับวัดอื่นๆ ที่ท่านสร้างสำเร็จมาแล้วถึง 33 วัด เนื่องจากเพราะเป้าหมายของท่านนั้น ต้องการเพียงจะสร้างเพื่อเผยแพร่พระศาสนาให้กับถิ่นนั้นๆ ให้กับชาวบ้าน ไม่ใช่สร้างเพื่อตัวท่านเอง และไม่ใช่สร้างเพื่อหมู่คณะของท่าน สำหรับที่วัดเขาเกาะสิเหร่นั้น ท่านได้มอบหมายให้อธิการแนบเป็นผู้รับผิดชอบดูแลวัด ในฐานะเจ้าอาวาสสืบมาตราบทุกวันนี้
แหล่งที่มา: www.phuketindex.com
No comments:
Post a Comment