Thursday, May 24, 2012

หลวงปู่สุภา สร้างตึกสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลวชิระ ภูเก็ต




แม้ว่าหลวงปู่จะมีอายุมากแล้ว แต่วัตรปฏิบัติของท่านก็ยังคงดำเนินไปในการวิปัสสนา และสร้างสรรค์ส่งเสริมพุทธศาสนิกชนในชุมชนให้มีความเจริญ พัฒนาทั้งทางด้านจิตใจ และทางด้านวัตถุที่เป็นประโยชน์ต่อพุทธศาสนาโดยส่วนรวม ในวาระอันเป็นมงคลที่หลวงปู่ มีอายุย่างเข้าหนึ่งศตวรรษ ในปีพุทธศักราช 2538 ท่านได้เล็งเห็นว่าในแถบภาคใต้ ยังไม่มีสถานพยาบาลสงฆ์อาพาธโดยเฉพาะ พระสงฆ์ที่อาพาธจะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลปะปนกับฆราวาสทั่วๆ ไป ทำให้ไม่ได้รับความสะดวกทั้งสองฝ่าย ท่านจึงได้ปรึกษากับลูกศิษย์ขอบิณฑบาตที่ดินบางส่วนของโรงพยาบาลวิชิระ ส่วนที่อยู่ติดกับสำนักสงฆ์เทพขจรจิตรที่ท่านพำนักอยู่ สร้างตึกสำหรับสงฆ์อาพาธ และได้รับอนุญาตจากโรงพยาบาลวชิระตามคำขอ
แบบจำลองของตึกสงฆ์อาพาธ 4 ชั้น เสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน 2536 (วันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่ ตรงกับวันที่ 17 กันยายน 2536) เป็นการฉลองวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่ในโอกาสย่าง 99 ปี โดยมีหม่อมราชวงศ์อดุลย์กิติ์ กิติยากร องคมนตรี เป็นประธานในการวางศิลาฤกษ์ ใช้งบประมาณในการก่อสร้างเฉพาะตัวอาคารประมาณ 12 ล้านบาทขณะนี้ปัจจัยที่ได้รับบริจาคร่วมทำบุญ วันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่ ในการก่อสร้างอาคารตึกสงฆ์อาพาธจากผู้มีจิตศรัทธา และบรรดาลูกศิษย์ของท่านมีอยู่ประมาณ 10 ล้านบาท คาดว่าการก่อสร้างตึกสงฆ์อาพาธนี้ เสร็จทันฉลองครบรอบอายุย่างเข้าปีที่ 100 ปี ของท่านในปีพุทธศักราช 2538 ตึกสงฆ์จากจังหวัดใกล้เคียงในภาคใต้ที่อาพาธ นับเป็นอานิสงฆ์อันแรงกล้า ในการที่หลวงปู่ได้ดำเนินการสร้างตึกสงฆ์อาพาธแห่งนี้ขึ้น
ปัจจุบัน หลวงปู่สุภา กนÚตสีโล อายุย่าง 113 ปี และบวชในพระพุทธศาสนามาแล้ว 89 พรรษา (บวชเณรตั้งแต่อายุ 9 ขวบ) ชีวิตในเพศบรรพชิตของท่าน เกินกว่ากึ่งหนึ่งใช้ไปกับการท่องธุดงค์ และบำเพ็ญธรรมตามป่าเขาลำเนาไพร นับเป็นเวลาได้ 54 ปี และเวลาเกือบทั้งหมด เป็นไปเพื่อปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง วิชาความรู้ในปฏิปทาจากประสบการณ์ ในวัย 113 ปี ของท่านมีมากมายทั้งทางโลกและทางธรรม ได้สัมผัสชีวิตหลายรูปแบบ ได้พบได้เห็นวัฒนธรรม ที่ผิดแปลกแตกต่างกันออกไป ได้สัมผัสกับสังคมที่แปรเปลี่ยนไปหลายยุคหลายสมัย ด้วยเหตุนี้เรื่องราวแห่งประสบการณ์ในชีวิต จึงมีมากมายหลายเรื่องที่หลวงปู่ไม่ค่อยได้เปิดเผยให้ทราบ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติของท่าน นอกเสียจากตอนที่ท่านสบโอกาสขณะอบรมศิษย์กรรมฐานประจำวัน ท่านจะยกเรื่องราวที่ท่านได้ประสบมาเป็นตัวอย่าง คนที่ได้ยินได้ฟังก็นำมาเล่าต่อๆ กันไป แต่ไม่มีใครได้บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เรื่องราวเหล่านั้นน่าสนใจ บางเรื่องจะมีประโยชน์ต่อชนรุ่นหลังอยู่ไม่น้อย ในวาระที่ท่านมีอายุย่าง 113 ปี ท่านเมตตาอนุญาตให้เก็บประวัติของท่านและประสบการณ์ต่างๆ ที่ท่านได้ปฏิบัติและพบเห็นด้วยตนเอง ขณะออกธุดงค์ทั้งในและต่างประเทศมาเป็นเวลายาวนานในบางส่วน หากบางเรื่องท่านก็จำไม่ได้เสียแล้ว บรรดาศิษยานุศิษย์ของท่านตระหนักดีว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่พระภิกษุรูปหนึ่งจะแบกกลดท่องเที่ยวไปทั่ว ข้ามประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งและต่อไปอีกประเทศหนึ่ง ผ่านสังคมหนึ่งไปสู่สังคมหนึ่ง สัมผัสวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง แล้วไปพบเห็นวัฒนธรรมอีกอย่างหนึ่ง เคยใช้ชีวิตลักษณะหนึ่งอยู่ในสมัยหนึ่ง จนกระทั่งต้องมาใช้ชีวิตเยี่ยงคนสมัยปัจจุบัน เรื่องราวของท่านจึงควรจะนำมาเผยแพร่ เพื่อให้ชนรุ่นหลังและผู้สนใจได้รับทราบ ท่านได้เล่าว่า เหตุการณ์เรื่องยาวเยอะมาก เล่าเป็นวันๆ ก็ไม่สามารถเล่าและให้รายละเอียดได้หมด
หลวงปู่สอนว่า… ไม่ให้ยึดติดกับอิทธิปาฏิหาริย์
… เช่นมีปรากฏการณ์ พระอาทิตย์ทรงกลด มีรัศมีกว้างมาก ขณะที่ทำพิธีอัญเชิญฉัตรขึ้นไว้บนยอดกุฏิหอระฆัง (เมื่อช่วงมีงานถวาย 11-12 เมษายน 2543) มีละอองฝนละเอียดมาก โปรยปรายลงมาเฉพาะที่ทำพิธีเท่านั้น ซึ่งพระภิกษุสงฆ์ สามเณร ญาติโยมนับหลายร้อยคน ที่มาร่วมพิธี ได้เห็นเป็นประจักษ์พยานทั่วหน้า ถึงบุญญาบารมีธรรมของหลวงปู่สุภา กนÚตสีโล ผู้ทรงศีลอันบริสุทธิ์ในกาลครั้งนี้ ยังความปลื้มปีติพร้อมกัน สาธุการโมทนาบุญกับหลวงปู่โดยทั่วหน้า แต่หลวงปู่สอนว่าไม่ให้ยึดติดกับอิทธิปาฏิหาริย์ ปรากฏการณ์ ให้ทุกคนหมั่นปฏิบัติ น้อมระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย และหลักธรรมคำสั่งสอนของพุทธองค์เป็นสำคัญ…
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันหลวงปู่จะไม่ได้แบกกลดออกท่องธุดงค์ เพื่อแสวงหาความวิเวกตามป่าเขาลำเนาไพรอีกแล้ว ด้วยความจำกัดแห่งสังขาร แต่ท่านก็ทำหน้าที่สงเคราะห์ญาติโยม ที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าจะทางจิตใจ หรือแม้ผู้ที่ถูกคุณไสย ทั้งยังทำหน้าที่เป็นวิปัสสนาจารย์ มีลูกศิษย์กรรมฐานทั้งพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา จำนวนไม่น้อยที่มาอยู่ศึกษา และปฏิบัติธรรมอยู่กับท่าน ท่านจะคอยแนะนำข้อปฏิบัติ และให้โอวาททุกวันหลังจากที่พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา มาไหว้พระสวดมนต์เย็นเสร็จแล้ว
แม้ว่าหลวงปู่จะมีอายุถึง 113 ปีแล้ว แต่ท่านก็ยังคงประกอบกิจอย่างต่อเนื่องไม่บกพร่อง ยังคงหมั่นขยันปฏิบัติธรรม และอบรมสั่งสอนบรรดาลูกศิษย์ทุกเย็น การสั่งสอนของหลวงปู่ส่วนหนึ่งเป็นการยกประสบการณ์ ในการปฏิบัติธรรมของท่านมาเปรียบเทียบ ซึ่งคนในรุ่นปัจจุบันจะไม่มีโอกาสพบเห็นเช่นนี้อีก

No comments:

Post a Comment