Wednesday, August 29, 2012

หลวงพ่อบ้านแดง

ประสปการณ์

จากธุดงควัตร

หลวงพ่อบ้านแดง

     ครั้งเกิดกลียุคเมื่อประมาณพุทธศักราช ๒๔๕๖ นั้น หลวงปู่สีทัตต์เคยไปๆ มาๆ ระหว่างวัดพระธาตุท่าอุเทน จังหวัดนครพนม  กับถ้ำภูเขาควาย ทางฝั่งลาวอยู่เสมอ พอเกิดกลียุค พวกตำรวจได้ค้นหาพระภิกษุที่เป็นที่เคารพของผู้คนทั่วไป ด้วยความเข้าใจว่าพระภิกษุเหล่านั้นเป็นพวกผู้การร้ายคอมมิวนิสต์ หลวงปู่สีทัตต์ ก็เป็นพระภิกษุรูปหนึ่งที่มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพรักนับถือของชาวบ้านแถวอีสานตอนเหนือ จึงเป็นบุคคลหนึ่งที่ทางการพยายามจับกุม  ขณะนั้นหลวงปู่สีทัตต์พำนักอยู่ที่วัดพระธาตุท่าอุเทน  จึงต้องคอยหลบหนีต่อเหตุการณ์ดังกล่าว


วัดพระธาตุท่าอุเทน จ.นครพนม

ภาพประกอบจากหนังสือ
ฉลอง ๑๐๐ ปี หลวงปู่สุภา
    หลวงพ่อบ้านแดง ก็เป็นพระภิกษุอีกรูปหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากเช่นเดียวกับหลวงปู่สีทัตต์  ท่านพำนักอยู่จังหวัดอุดรธานี  เข้าใจว่าท่านเป็นพระภิกษุที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์  โดยวัตรปฏิบัติของท่านนั้นคือการสร้างวัดเพียงอย่างเดียว หลวงปู่เล่าให้ฟังว่าเวลาหลวงพ่อบ้านแดงออกบิณฑบาต เมื่อท่านกลับจากบิณฑบาตข้าวทุกเม็ดที่อยู่ในบาตรเทออกมาจากบาตรแล้วจะกลายเป็นเหรียญบาททั้งหมด เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่เล่าลือกันไปทั่วคนทั่วไปเข้าใจว่าท่านคือหลวงปู่สีทัตต์ แต่ทางตำรวจสีบทราบว่าแท้จริงเป็นหลวงพ่อบ้านแดงจึงได้มาจับท่าน  แต่หลวงพ่อบ้านแดงท่านไม่ยอมไปกับตำรวจ  สั่งให้ท่านเดินท่านก็ไม่เดิน สั่งให้ท่านขึ้นรถท่านก็ไม่ขึ้น ตำรวจจึงไปนำเอาเกวียนมาให้ท่านขึ้น  ท่านก็ไม่ยอมขึ้นเกวียน แต่ตอบตำรวจว่า "สูอยากให้ข้าไป ก็หามข้าไปซี" ตำรวจเกิดโทสะจึงเอาด้ามปืนกระทุ้งที่ตะโพกท่าน ทำให้ขาของท่านหลุด  ทางตำรวจจึงต้องหามท่านไปให้หมอรักษาในห้องขัง  แล้วแกล้งท่านไม่ถวายข้าวให้ท่านฉันเป็นเวลานาน ๑๕ วัน  ท่านก็คงอยู่ได้ เช่นนั้นโดยไม่ต้องฉันสิ่งใดเลย

     หลวงปู่สุภาเล่าต่อไปว่าเมื่อขาท่านหายบาดเจ็บพอที่จะบิณฑบาตได้ ทางการก็อนุญาติให้ท่านไปบิณฑบาตที่ตลาด เมื่อกลับจากบิณฑบาตก็กลับเข้าไปอยู่ในห้องขัง  ข้าวที่บิณฑบาตมาได้ตลอดเวลา ๔-๕ เดือนที่ถูกคุมขัง  หลวงพ่อได้เทไว้ตามมุมต่างๆของห้องขัง และข้าวทุกเม็ดที่เทจากบาตรก็กลายเป็นเหรียญบาทเก่าๆ เป็นเหรียญสมัยรัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕ เจ้าหน้าที่ทางกรุงเทพฯ ได้ไปสืบสวนหาความจริง จึงสั่งให้ปล่อยหลวงพ่อบ้านแดง เมื่อตำรวจไปกราบเรียนหลวงพ่อ อนุญาติให้กลับวัดได้แล้ว ท่านกลับนั่งเฉย ไม่ยอมออกจากห้องขังซ้ำกล่าวกับตำรวจว่า "สูเอาข้ามา ก็เอาข้าไปส่งซิ" เมื่อเจ้าหน้าที่นิมนต์ให้ขึ้นรถท่านก็ไม่ขึ้น ให้ท่านเดินท่านก็ไม่เดิน สุดท้าย ทางเจ้าหน้าที่ต้องหามท่านไปส่งถึงอุดรธานี ซึ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิดของหลวงพ่อบ้านแดง

ภาพประกอบจากหนังสือ
ฉลอง ๑๐๐ ปี หลวงปู่สุภา

     หลวงปู่สีทัตต์ อาจารย์ของหลวงปู่สุภา เป็นพระภิกษุรูปหนึ่งที่ถูกทางการตามจับดังกล่าวมาแล้ว เพราะได้ข่าวว่าเป็นพระที่ฝักใฝ่ในลัทธิคอมมิวนิสต์ วันหนึ่งในขณะที่หลวงปู่สีทัตต์กำลังจารหนังสืออยู่ในกุฏิที่วัดพระธาตุท่าอุเทน และหลวงปู่สุภายังเป็นสามเณรอยู่กับท่าน มีตำรวจจำนวน ๒๔ นาย กรูกันเข้ามาที่วัดพระธาตุท่าอุเทน และได้ถามหาหลวงปู่สีทัตต์กับสามเณรสุภา ท่านบอกว่าอาจารย์กำลังจารหนังสืออยู่ในกุฏิ  เมื่อตำรวจเข้าไปตรวจค้นในกุฏิกลับไม่พบหลวงปู่สีทัตต์ ตำรวจจึงเงื้อด้ามปืนจะทำอันตรายท่าน หลวงปู่สีทัตต์จึงส่งเสียงดังออกมาบอกว่าท่านอยู่ทางนี้  พอตำรวจกรูเข้าไปตามทิศทางของเสียงที่ได้ยินกลับต้องผิดหวังอีกครั้ง เพราะหาท่านไม่พบ ครั้นมองออกไปกลางแม่น้ำโขงจึงได้เห็นหลวงปู่สีทัตต์อยู่กลางแม่น้ำโขง จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เอง หลวงปู่สีทัตต์จึงไปพำนักอยู่ในประเทศลาว และไม่กลับมาประเทศไทยอีกเลยจนกระทั่งถึงแก่มรณภาพ





แหล่งที่มา: หนังสือฉลอง ๑๐๐ ปี หลวงปู่สุภา กันตสีโล (เขารัง)



No comments:

Post a Comment