จากธุดงควัตร
พบเจ้าพลายน้อย
หลังจากหลวงพ่อสังข์ถูกผีกงกอยจกตับไปกิน และชาวบ้านพร้อมทั้งพระสิมและสามเณรพรได้นำศพหลวงปู่สังข์ลงมาแล้ว หลวงปู่สุภาก็เดินธุดงค์ตามลงมา และแยกทางที่บ้านผาทุง พระสิมและสามเณรพรก็กลับถ้ำภูเขาควาย
ส่วนหลวงปู่สุภาเดินธุดงค์ลงมาทางผาทุง บ้านเวิน บ้านนาทาน บ้านอิลาน บ้านผาทุงเป็นท่าแสม คือเป็นบ้านกำนันทางฝั่่งลาวเขาเรียก "ท่าแสม" หมายถึงบ้านกำนัน จากนั้นท่านก็ตรงมาพักที่มหาไทรกองแก้ว จนกระทั่งหลงทางอยู่ในป่า หาทางออกไม่ได้เป็นเวลา 15 วัน ไม่ได้ฉันอาหารเลย นอกจากน้ำ
ขณะหลวงปู่ได้ปลักกลดอยู่บนชะง่อนผา ได้มีช้างโขลงหนึ่ง เข้ามาจะทำร้ายแต่ในที่สุด มีช้างอีกเชือกหนึ่งขับไล่ช้างตัวอื่นๆไป ช้างเผือกนั้นเป็นช้างตัวผู้หนึ่งช้างพลาย ได้ชูงวงเหมือนกับทำท่าเคารพท่าน หลวงปู่ท่่านจึงแผ่เมตตาบอกเจ้าช้างพลายเชือกนั้นว่า ตอนนี้หลวงปู่หลงทางเป็นเวลา 15 วันแล้ว ขอให้เจ้าพลายน้อยช่วยพาหลวงปู่ออกจากป่าด้วย เจ้าพลายน้อยแม้ว่าจะเป็นสัตว์ป่า แต่ก็สามารถกำหนดรู้ความต้องการของท่านได้ ก็ออกเดินทางนำหน้าหลวงปู่ไป ท่านจึงตามมันไป เจ้าพลายน้อยพาหลวงปู่บุกป่าออกมาเป็นระยะทางไกลมาก จนในที่สุดก็มาถึงชายป่า ซึ่งเป็นที่ๆหลวงปู่สามารถกำหนดเส้นทางเดินต่อไปได้ แล้วเจ้าพลายน้อยก็หยุดนิ่งราวกับรู้สึกอาลัยอาวรณ์ที่จะต้องจากกัน
ภาพจากหนังสือฉลองอายุ ๑๐๐ ปีหลวงปู่สุภา |
ในครั้งนั้นหลวงปู่ยืนเพ่งญาณ ก็กำหนดรู้ว่าเจ้าพลายน้อยตัวนี้เมื่อชาติก่อนเป็นคนมีศีลมีธรรม แต่ก็มีกรรมให้ต้องไปเกิดเป็นช้างป่าหลงพ่อแม่ และชาตินี้เป็นการชดใช้กรรมชาติสุดท้ายแล้วละจากภพนี้ไป สามารถไปเกิดเป็นมนุษย์ได้ หลวงปู่จึงบอกกับเจ้าพลายน้อยว่า "อดทนต่อไปอีกหน่อยนะ ต่อไปเจ้าก็จะได้เกิดเป็นมนุษย์ และอนิสงส์ที่เจ้าได้ช่วยเหลือพระในพระพุทธศาสนา เจ้าอาจจะได้พบพระพุทธศาสนา ได้ศึกษาธรรมะ และปฏิบัติตามแนวของพระพุทธองค์ ถ้าหากเรายังมีวาสนาต่อกัน ในชาตินี้ก็คงจะได้มีโอกาสพบกันอีก หลวงปู่ขออวยพรให้เจ้าไปเกิดเป็นมนุษย์เร็วๆ เพื่อเราจะได้พบกันในชาตินี้" กล่าวจบแล้วหลวงปู่ก็จากมา เจ้าพลายน้อยยืนมองท่านอย่างอาลัยอาวรณ์ จนสุดสายตา
เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ขณะที่หลวงปู่มาจำพรรษาอยู่ที่ภูเก็ต ณ ที่สำนักสงฆ์เทพขจรจิตร ก็เกิดเรื่องมหัศจรรย์จนเป็นที่ฮือฮา กันขึ้นกับบรรดาลูกศิษย์ลูกหา และผู้ไปมาหาสู่กับหลวงปู่คือได้มีสามเณรน้อยรูปหนึ่ง ไม่ทราบว่าเดินทางมาจากที่ใดมา สืบหาหลวงปู่ตามลักษณะและชื่อ ในที่สุดได้มาถึงสำนักสงฆ์เทพขจรจิตนั้น ด้วยบุคลิกลักษณะของสามเณรนั้น ออกจะพิเศษพิสดารต่างไปจากมนุษย์ธรรมดาๆอย่างหนึ่ง คือใบหูทั้งสองข้างกางและยาวมาก ที่สำคัญสามารถกระดิกหูได้ด้วย จึงเป็นที่ฮือฮาของผู้พบเห็น ครั้นเมื่อสามเณรดังกล่าวได้เข้าไปกราบหลวงปู่เสร็จแล้ว ก็เงยหน้าขึ้น พอหลวงปู่ได้เห็นหน้าสามเณรรูปนั้นชัดเจน ท่านก็ได้กล่าวทักขึ้นก่อนว่า "อ้าว เจ้าพลายน้อยนั่นเอง ในที่สุดเราก็เจอกันจริงๆนะ" หลวงปู่ไม่ได้บอกผู้ใดว่าสามเณรนั้น แท้จริงคือเจ้าพลายน้อย ช้างหลงพ่อแม่ที่เคยพาท่านไปส่งถึงชายป่า เมื่อท่านหลงป่าก่อนหน้านี้ ท่านเองก็เคยได้เล่าเรื่องหลงป่า ได้พบช้างพลายให้บรรดาลูกศิษย์ฟัง บรรดาลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดก็ได้ทราบทันทีว่า สามเณรรูปนี้แหละคือเจ้าพลายน้อยที่หลวงปู่เคยเล่าให้ฟัง นับเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ไม่ใช่น้อย เรื่องนี้ยังเล่าขานกันไม่รู้จบ ตราบจนทุกวันนี้
สามเณรน้อยหรืออดีตเจ้าพลายน้อย มากราบหลวงปู่ ขออยู่ศึกษาวัตรปฏิบัติ กับท่านระยะหนึ่งจึงได้เดินทางกลับ ปัจจุบันสามเณรน้อยรูปนี้ได้ลาสิกขาบท เป็นฆราวาสทำสวนทำไร่อยู่ในป่าแถวสกลนคร
ที่มา: หนังสือฉลองอายุ 100 ปี หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล
สำนักสงฆ์เทพขจรจิตรอุทิศสามัคคีธรรม (เขารัง)
No comments:
Post a Comment