Tuesday, May 29, 2012

"ถ้าเสียสัตย์ ก็เสียศีล เสียศีลแล้ว ธรรมก็ไม่บังเกิด" "ฆ่าจิตของเราให้มันตาย อย่าให้มีโกรธ อย่าให้โลภ อย่าให้มีหลง"

นี่คืออมตะวาจา ของพระมงคลวิสุทธิ์ หรือหลวงปู่สุภา กันตสีโล ที่ชาวภูเก็ต และพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ต่างนับถือศรัทธามาช้านาน

ท่านเกิดเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2438 ซึ่งปี 2553 นี้ หลวงปู่สุภาจะมีอายุครบ 117 ปี..ไม่มีพระสงฆ์องค์ใด ในโลกนี้อีกแล้ว ที่จะมีอายุยืนยาวนานตราบเท่าหลวงปู่สุภาองค์นี้...ท่านบวชเณรตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ถ้าเอา 9 ลบออกจาก 117 จะได้เท่ากับ108 นั่นคือจำนวนปี ที่หลวงปู่สุภาครองผ้าเหลืองอุทิศตนรับใช้พระศาสนามากว่าศตวรรษแล้ว 

ทุกวันนี้ท่านฉันภัตตราหารวันละสองมื้อ มื้อละไม่เกิน 9 คำ เท่านั้น ท่านรับกิจนิมนต์บ้าง แต่ไม่มากนัก เนื่องเพราะ"สังขาร"กว่าร้อยปีของท่าน อันเป็นสัจธรรมของทุกผู้ทุกนาม

"คนภูเก็ต"อาจรู้ซึ้งในบางส่วนแห่งประวัติของท่าน แต่พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ อาจยังไม่ทราบดีถึงบางเรื่องราว ของอริยสงฆ์ 5 แผ่นดินองค์นี้ นี่คือวาระสำคัญ...ที่พวกเรา จะได้ ร่วมรับรู้ไปพร้อมๆกันในวันนี้

หลวงปู่สุภา กันตสีโล หรือ พระมงคลวิสุทธิ์ ท่านเป็นคนอำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร มาโดยกำเนิด แล้ว หลวงปู่บวชเป็นเณรตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ปี 2459 หลวงปู่บวชเป็นพระ นามฉายา กันตสีโล ได้เป็นศิษย์ของพระอาจารย์สีทัตต์ หรือ สีทัตถ์ วัดท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งท่านเป็นพระวิปัสนาจารย์ ปี 2463 ท่านได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท จากนั้น ยังได้ไปศึกษาทางด้านกษิณและฌานสมาบัติอยู่กับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต นานถึง 3 ปี หลวงปู่สุภาท่านเป็นทั้งพระนักปฏิบัติและเป็นพระเกจิ อันดับต้นๆของเมืองไทย สำหรับพุทธคุณของท่านเป็นที่เรื่องลือมากมาย ท่านมีของขลังที่ขึ้นชื่อก็คือ แมงมุมมหาลาภ ที่คนค้าคนขายต้องหาไว้ติดร้านค้า เป็นวิชาที่ท่านได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่าน และยังมีจระเข้อาคมที่มีคุณทางด้านการป้องกันภัยจากโจรผู้ร้าย หลวงปู่แบกกลดเดินธุดงค์อยู่จนถึงอายุ 84 ปี ท่านไปมาแล้วทั่วทุกภาคของประเทศ เลยไปถึงประเทศข้างบ้าน ก่อนที่จะมาลงหลักปักฐานอยู่ที่ จ.ภูเก็ต ท่านผ่านไปที่ใดก็มักได้ไปสร้างวัด สร้างสำนักสงฆ์ไว้ ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงปู่จึงมีอยู่ทั่วประเทศ และเลยไปถึงทั้งชาวสิงคโปร์และมาเลเซีย

จนล่าสุด ท่านได้มาสร้างวัดแห่งหนึ่ง ที่ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต และได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ว่า วัดสีลสุภาราม วัดนี้คือวัดที่ 38 ที่หลวงปู่สุภา สร้างขึ้น และท่านยอมรับเป็นเจ้าอาวาสเป็นวัดแรกในชีวิต และจำพรรษาอยู่ตราบจนปัจจุบันนี้

นี่คือตำนานแห่งชีวิต และวัฏปฏิบัติ บางส่วนของ "พระดีศรีอันดามัน"ที่ถูกจดจารไว้ อย่างยิ่งใหญ่

พุทธศาสนิกชนถ้วนทั่วต่างตระหนักเป็นอย่างดีว่า หลวงปู่สุภา คืออริยสงฆ์ ของการปฏิบัติธรรมด้วยความเพียร ความวิริยะ อุตสาหะ ความมุ่งมั่น ทุกลมหายใจ แห่งจิตวิญญาณของท่าน มีแต่คำว่าให้และสร้างทุกอย่าง ด้วยเมตตาบารมีธรรมของท่านตลอดมา และตลอดไป อีกตราบนานเท่านาน

สำหรับการเดินทางมายังวัดหลวงปู่สุภาให้ท่านเดินทางมายัง ต.ฉลอง เส้นทางที่มาจะมายังวัดฉลองภูเก็ต โดย ซึ่งวัดสีลสุภาราม (วัดใหม่หลวงปู่สุภา)อยู่ห่างจากตัวเมือง 7 กิโลเมตร จากสนามกีฬาสุระกุล ไปทางถนนเจ้าฟ้าตะวันตก วัดสีลสุภารามจะอยู่ด้านขวามือ ก่อนถึงห้าแยกฉลอง ประมาณ 4 กิโลเมตร วัดหลวงปู่สุภาจะถึงก่อนวัดฉลอง เพียง 500 เมตร วัดสีลสุภาราม ตั้งอยู่ที่ หมู่ 6 ตำบลฉลอง ในบริเวณ ต.ฉลอง ท่านสามารถแวะนมัสการสิ่งศักดิ์ที่เป็นที่เคารพของคนภูเก็ตได้ถึง 3 แห่งด้วยกัน โดยเริ่มจากวัดหลวงปู่สุภา วัดฉลอง และ วัดพระใหญ่เขานาคเกิด

ทดสอบพุทธคุณพระเครื่องของจริง


ทดสอบพุทธคุณพระเครื่องของจริง ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ปี 2497
โดยท่าน อจ.ชุม ไชยคีรี 

คณะลูกศิษย์ธนาคารกรุงไทยร่วมทำบุญกับหลวงปู่

      คณะลูกศิษย์จากธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ จังหวัดสงขลา ได้เดินทางไปกราบไหว้หลวงปู่สุภา เพื่อทำบุญถวายปัจจัยแก่หลวงปู่  โดยหลวงปู่ได้ให้พรและคำสอนแก่ลูกศิษย์ในวีดีโอคลิปนี้ ซี่งมีความยาวประมาณ 9 นาที




     หลวงปู่ท่านยินดีที่เหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายที่มาทำบุญวันนี้ มีทั้งชาวพุทธ อิสลาม คริสเตียน ได้มาเจอกันหมด มาร่วมทำบุญร่วมกัน หลวงปู่ยังได้สอนให้ทำจิตใจให้สงบ จิตใจนั้นเยือกเย็น จิตใจนั้นกว้างขวาง จิตใจนั้นมีเมตตา มีกรุณา มุทิตา อุเบกขา จะสำเร็จผล หากจิตใจนั้นรวนเร ก็จะไม่ได้ผล สุดท้ายหลวงปู่ให้พรแก่ลูกศิษย์ให้ประสปความสำเร็จ มีเงินทอง ส่วนพระสงนั้นไม่ได้สะสมกิเลส ไม่ได้สะสมสมบัติเงินทอง เพียงแต่จะเอาสร้างไป สร้างวัด ทำบุญตั้งแต่ผ้าป่า กฐิน ให้พุทธบริษัททั้งหลาย

Sunday, May 27, 2012

งานมุทิตา หลวงปู่สุภา กันตสีโล ที่วัดสีลสุภาราม อายุ ๑๑๖ ปี


     นายเกรียงศักดิ์ สมบูรณ์ มัคทายก  และ  ท่านไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้บรรยายเหตุการณ์สำคัญของหลวงปู่สุภา ในวีดีโอคลิปนี้ได้ถ่ายทำในวันพิธีกรรมที่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาจริยศึกษา เนื่องด้วยหลวงปู่เป็นพระอาวุโส ๑๑๖ ปี  ๙๕ พรรษา ท่านได้สร้างความเจริญอย่างมากให้แก่ภูเก็ต และประเทศชาติ ในด้านการเผยแพร่พระพุทธศาสนา นอกจากนั้นท่านช่วยสังคมในภูเก็ต และที่อื่นๆ  ท่านได้สร้างวัดมาแล้วกว่า ๓๙ วัด โดยมีวัดสีลสุภาราม เป็นวัดสุดท้ายที่ท่านสร้าง


Saturday, May 26, 2012

คาถาต่างๆ ที่หลวงปู่ใช้


คาถาเรียกจิตคน
จิตตะ มหาจิตตัง ปิยังมะมะ
คาถาพระเจ้า ๑๖ พระองค์
นะมะนะอะ นอกอนะอะ กอออนออะ นะอะกะอัง อุมิอะมิ มหิสุตัง สุนะ พุทธัง สุอะนะอะ
เสกของขายภายในร้าน จะขายของดี
คาถาป้องกันอันตราย
รูปพระพุทโธ โหหิ
คาถาบทนี้ วิธีใช้ให้ภาวนาคาถานี้เสกน้ำลายกลืนลงไปก่อนออกจากบ้าน ท่านกล่าวว่า แม้แต่ปืนก็ยิงไม่ออก
คาถา 108
ว่านะโม ๓ จบ
พุทโธโลกัสสะ สะระณังอะหัง อะหังกุสะลา ธัมมะติ นะโมพุทธายะ อะอิยะสุยะ สัพสุข อะนะโมพุทธายะ เวสสุวัณโณ โสภะคะวา กุมภายะสะ ปะรายัตติ
คาถาหยุดสัตว์ร้าย, คน
โอมคุคะ โอมแยกคะ โอมแสงดี โอมปีแตก โอมสีสวาหะ
คาถาเป่าหัว
นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ หุลุลุ สวาหายะวะโร วะรัญญู วะระโท วะละหะโร อนุตตะโร อะเทสวาหะ
คาถาเดินทาง
ว่านะโม ๓ จบ
อิติปิโส ภะคะวา พระพุทธเจ้าสั่งมา พระโมคคัลลาย์ ยันติ นะแคล้วโมคลาด พระพุทธเจ้าย่างบาท อิติปิโสภะคะวา
คาถามงกุฏพระพุทธเจ้า
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทธะตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ 
คาถานี้ ภาวนาทำให้เป็นฌาน นิมิตต่างๆ จะแจ่มใสและมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามประสงค์
คาถาภาวนาขอลาภ
อิติปิโส ภะคะวา อะอามะอะอุ อิสวาสุ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา นะโม พุทธายะ นะชาลีติ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง เมตตา จะมหาเทชะ สัพพะเสน่หา จะปูชิโต สัพพะสุขขัง จะมหาลาภัง สัพพะโกทัง วินาสสันติ มะอะอุ เมตตา สัพพะราชา สัพพะเสน่หา สัพพะชะนา สัพพะเสน่หา จะปูชิโต สัพพะสุขขัง จะมหาลาภัง สัพพะโกทัง วินาสสันติ
ท่องให้มากๆ
คาถาเรียกเงิน
มานิมามา นะชาลีติ มะอะอุ
คาถาเงินล้าน
นาสังสิโม พรหมา จะมหาเทวา สัพเพยิกขา ปะรายันติ พรหมา จะมหาเทวา อะภิลาภา 
ภะวันตะเม มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุเม มิเตพาหุหะติ พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ
วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ 
พุทธัสสะ สวาโหม สัมปะติจฉามิ เพ็งเพ็ง พาพา หาหา ฤาฤา
คาถาจินดามณี
โอมจินดา มะนินะโนไมหัง บุพพระกัมมัง ปัญญา วะทิหิสุขัง เอหิลาภัง ขัตตัง สวาโหม
คาถามหาเสน่ห์
นะเมตตา โมกรุณา พุทธปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู ออมมะชะชวย ระรวยตังจัด
ระรวยตังทะลอม ตวนเตียน มะไดดอม ออมนอด ฮองกอด ติตาสวาหะ
คาถาพระบัวเข็ม
สุวรรณะระชะตัง มหาสุวรรณะระชะตัง
อังคะตะเศรษฐี มหาอังคะตะเศรษฐี
มิคคะตะเศรษฐี มหามิคคะตะเศรษฐี
ปุริเศรษฐ์สีวา อิตถีวา พรหมณ์มณีวา
ให้ใจเขาเบาเหมือนนุ่น อย่าให้ขาด หินระญาติอย่าขาดสาย ให้ไหลมาต่อๆ เป็นดั่งน้ำบ่อแก้ว อย่าคลาดแคล้วหยาดเพียงตา พูดด้วยเท้าให้ถูกตา พูดด้วยพญาให้ถูกหน้า พูดด้วยขุนกล้าให้อ่อนใจลง ปลงใจไว้ให้ไหลมา ดั่งทรายไหลแล้ง โอมสวาโหมติด

Thursday, May 24, 2012

เหรียญเจ้าสัวหล่อโบราณรุ่นแรก อมตะแห่งเศรษฐี อมตะแห่งหล่อโบราณ

     หลวงปู่สุภาได้ปลุกเสกของขวัญชิ้นสำคัญที่จัดสร้างขี้นในวโรกาสที่หลวงปู่ได้เข้ารับพระราชทานสมณศักดิ์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นมงคลสูงสุดนั้นคือ "เหรียญหล่อเจ้าสัว" เพื่อมอบให้ลูกหลานหลวงปู่จะได้อนุโมทนายินดีร่วมกัน และเพื่อผลให้ลูกหลานหลวงปู่ร่ำรวยเป็นเศรษฐีมหเศรษฐี มีโชคลาภ เงินทองเข้าไม่ขาด ได้เป็น "เจ้าสัว" กันทุกคน

     หลวงปู่ได้พูดประโยคหนึ่งที่กินใจและมีค่ามากว่า "หลวงปู่จะได้รับยศถาบรรดาศักดิ์เป็นอะไรไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญลูกหลานหลวงปู่ต้องไม่จน ต้องมีโชคที่ร่ำรวย มีความสุข อันนี้สำคัญกว่า หลวงปู่เป็นห่วงลูกหลานทุกคน ขอให้เป็นเจ้าสัวรวยๆ กันนะลูกนะ"

     เหรียญเจ้าสัวหล่อโบราณจึงเป็นเหมือนของขวัญชิ้นสำคัญที่สื่อถึงใจหลวงปู่ที่มอบความเป็นเศรษฐีความร่ำรวยโชคลาภเงินทอง ความเป็นเจ้าสัวสู่ลูกหลานหลวงปู่
ด้านหน้า เป็นรูปพระพุทธอยู่ในซุ้มกระจัง (แบบพระเจ้าสัวองค์เดิมต้นตำรับของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว) แต่ละพิมพ์ใหม่ให้มีเอกลักษณ์ของหลวงปู่เอง และแบบโบราณที่หย่อนสวยแต่เข้มขลังตรงตามตำราด้านหลัง เป็นยันต์ครูของหลวงปู่ที่มีอานุภาพมาก เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือได้ เปลี่ยนจากยากจนเป็นเศรษฐีได้ ล้อมรอบด้วย 'นะเศรษฐี' 8 องค์ 8 ทิศ จะได้เป็นมหาเศรษฐีทุกๆ ด้าน ใต้ยันต์มีคำว่า "เจ้าสัวมหาเศรษฐี" และลายเซ็นหลวงปู่สุภาหมายเหตุ :  หลวงปู่ได้ปลุกเสกเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ และเหรียญเจ้าสัวหล่อโบราณ ที่ วัดสีลสุภาราม จังหวัดภูเก็ต จากนั้นหลวงปู่ได้มาพักจำพรรษาอยู่ที่วัดคอนสวรรค์ สกลนคร (1 ใน 39 วัดที่หลวงปู่สร้าง) ซึ่งรายได้จากการบูชาวัตถุมงคลจะนำมาพัฒนาวัดคอนสวรรค์สืบไป


เนื้อเงินแท้

เนื้อเงินยวง

เนื้อทองผสมผิวโบราณ

เนื้อทองผสมผิวรมดำ







เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล




หลวงปู่สุภาสื่อฌาณถึงหลวงปู่ทวด แผ่พลังจิตปลุกเสก
"เหรียญหลวงปู่ทวดรุ่นเลื่อนสมณศักดิ์หลวงปู่สุภา"
ด้านข้างหลวงปู่มี "เหรียญเจ้าสัวหล่อโบราณ" วางอยู่
หลวงปู่แยกปลุกเสกต่างหากจะได้เป็นเศรษฐี เป็นเจ้าสัวสมชื่อ












    หลวงปู่เป็นพระบริสุทธิ์สงฆ์แห่งแดนทักษิณ อยู่แดนใต้มาเกือบครึ่งชีวิตเป็นสงฆ์ที่มีพรรษามากที่สุดในประเทศไทยเป็นนักพัฒนาสร้างวัด สาธารณสถาน โรงพยาบาลตึกสงฆ์อาพาธกว่า 39 แห่ง และที่สำคัญหลวงปู่เป็นศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าเพียงรูปเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนี้หลวงปู่ยังเป็นศิษย์หลวงปู่สีทัตต์ วัดท่าอุเทน, หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค, อาจารย์เฒ่า วัดเส้าหลิน, โยคีนารายณ์ อินเดีย นอกจากนี้หลวงปู่ยังเป็นพระสงฆ์รุ่นเก่ามีสหธรรมมิกแลกเปลี่ยนวิชามากมาย เช่น หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ, หลวงพ่อจาด วัดบางกะเบา, หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด, หลวงพ่อสังข์ วัดน้ำเต้า, หลวงพ่อทบ วัดชนแดน เป็นต้น เหนือสิ่งอื่นใด ความอัศจรรย์ทางจิตสื่อฌาณครูบาอาจารย์ และอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ของหลวงปู่มีมากมายเกินกว่าที่จะกล่าวได้หมด
    ในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัววันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2547 พระเดชพระคุณหลวงปู่สุภา กนฺตสีโล พระอริยสงฆ์แดนทักษิณ ผู้รู้ราตรีนานอายุกาลถึง 109 พรรษา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานสมณศักดิ์เป็นราชาคณะที่ "พระมงคลวิสุทธิ์" นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ การเป็นสุดยอดแห่งมหามงคลนี้จึงนับเป็นวโรกาสอันดีที่วิเศษสุดที่หลวงปู่จะได้จัดสร้างเหรียญอันทรงคุณค่าเหรียญแห่งความเจริญ เหรียญแห่งความก้าวหน้า เหรียญแห่งการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง เหรียญแห่งความสำเร็จ นั่นคือ"เหรียญหลวงปู่ทวดรุ่นเลื่อนสมณศักดิ์หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล" และ "เหรียญเจ้าสัวหล่อโบราณ"


" เหรียญหลวงหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล "

     เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์นี้ หลวงปู่ได้เชิญฌาณบารมีแห่งองค์หลวงปู่ทวดแห่งวัดช้างให้แผ่พุทธานุภาพบรรจุพลังบารมีอย่างเอกอุ และหลวงปู่สุภาได้ปลุกเสกอย่างดียิ่ง บรรจุพลังวิชาชั้นสูงอย่างมากมาย หลวงปู่ยังบอกอีกว่าเหรียญนี้นิรันตราย แคล้วคลาด ปลอดภัย ป้องกันอันตรายนานัปการ และยังเน้นวิชาที่เสริมช่วยในด้านความเจริญ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง พัฒนาก้าวหน้ามหาบารมี ชนะศัตรูสู้ข้าศีก เมตตามหานิยมครบเครื่อง (ตามแบบเหรียญหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ที่หลวงปู่ทิมสร้างคราวเลื่อนสมณศักดิ์ปีพ.ศ. 2508)
ด้านหน้า อัญเชิญองค์หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ประดิษฐานด้านหน้าเหรียญเลื่อนฯ นี้ด้านหลัง เป็นองค์หลวงปู่สุภาหน้าตรงครี่งองค์ ล้อมรอบด้วยคาถาศักดิ์สิทธิ์ตามตำรับเหรียญเลื่นอสมณศักดิ์หลวงปู่ทิมปี 2508 ใต้องค์มีคำว่า "พระมงคลวิสุทธิ์ (สุภา)" ซึ่งเป็นสมณศักดิ์ที่ได้รับพระราชทาน และมีข้อความใต้ชื่อท่านว่า "งานเลื่อนสมณศักดิ์ ๕ ธ.ค. ๔๗"    


เนื้อเงิน




เนื้อนวะแก่เงิน




เนื้อทองแดงมีห่วง




หลวงปู่สุภา ยอมรับเป็นเจ้าอาวาสวัดแรกที่วัดสีลสุภาราม



     หลวงปู่สุภา กันตสีโล หรือ พระมงคลวิสุทธิ์ ท่านเป็นคนอำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร มาโดยกำเนิด แล้ว หลวงปู่บวชเป็นเณรตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ปี 2459 หลวงปู่บวชเป็นพระ นามฉายา กันตสีโล ได้เป็นศิษย์ของพระอาจารย์สีทัตต์ หรือ สีทัตถ์ วัดท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งท่านเป็นพระวิปัสนาจารย์ ปี 2463 ท่านได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท จากนั้น ยังได้ไปศึกษาทางด้านกษิณและฌานสมาบัติอยู่กับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต นานถึง 3 ปี หลวงปู่สุภาท่านเป็นทั้งพระนักปฏิบัติและเป็นพระเกจิ อันดับต้นๆของเมืองไทย สำหรับพุทธคุณของท่านเป็นที่เรื่องลือมากมาย ท่านมีของขลังที่ขึ้นชื่อก็คือ แมงมุมมหาลาภ ที่คนค้าคนขายต้องหาไว้ติดร้านค้า เป็นวิชาที่ท่านได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่าน และยังมีจระเข้อาคมที่มีคุณทางด้านการป้องกันภัยจากโจรผู้ร้าย หลวงปู่แบกกลดเดินธุดงค์อยู่จนถึงอายุ 84 ปี ท่านไปมาแล้วทั่วทุกภาคของประเทศ เลยไปถึงประเทศข้างบ้าน ก่อนที่จะมาลงหลักปักฐานอยู่ที่ จ.ภูเก็ต ท่านผ่านไปที่ใดก็มักได้ไปสร้างวัด สร้างสำนักสงฆ์ไว้ ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงปู่จึงมีอยู่ทั่วประเทศ และเลยไปถึงทั้งชาวสิงคโปร์และมาเลเซีย
จนล่าสุด ท่านได้มาสร้างวัดแห่งหนึ่ง ที่ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต และได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ว่า วัดสีลสุภาราม วัดนี้คือวัดที่ 38 ที่หลวงปู่สุภา สร้างขึ้น และท่านยอมรับเป็นเจ้าอาวาสเป็นวัดแรกในชีวิต และจำพรรษาอยู่ตราบจนปัจจุบันนี้
นี่คือตำนานแห่งชีวิต และวัฏปฏิบัติ บางส่วนของ "พระดีศรีอันดามัน"ที่ถูกจดจารไว้ อย่างยิ่งใหญ่
     พุทธศาสนิกชนถ้วนทั่วต่างตระหนักเป็นอย่างดีว่า หลวงปู่สุภา คืออริยสงฆ์ ของการปฏิบัติธรรมด้วยความเพียร ความวิริยะ อุตสาหะ ความมุ่งมั่น ทุกลมหายใจ แห่งจิตวิญญาณของท่าน มีแต่คำว่าให้และสร้างทุกอย่าง ด้วยเมตตาบารมีธรรมของท่านตลอดมา และตลอดไป อีกตราบนานเท่านาน
     สำหรับการเดินทางมายังวัดหลวงปู่สุภาให้ท่านเดินทางมายัง ต.ฉลอง เส้นทางที่มาจะมายังวัดฉลองภูเก็ต โดย ซึ่งวัดสีลสุภาราม (วัดใหม่หลวงปู่สุภา)อยู่ห่างจากตัวเมือง 7 กิโลเมตร จากสนามกีฬาสุระกุล ไปทางถนนเจ้าฟ้าตะวันตก วัดสีลสุภารามจะอยู่ด้านขวามือ ก่อนถึงห้าแยกฉลอง ประมาณ 4 กิโลเมตร วัดหลวงปู่สุภาจะถึงก่อนวัดฉลอง เพียง 500 เมตร วัดสีลสุภาราม ตั้งอยู่ที่ หมู่ 6 ตำบลฉลอง ในบริเวณ ต.ฉลอง ท่านสามารถแวะนมัสการสิ่งศักดิ์ที่เป็นที่เคารพของคนภูเก็ตได้ถึง 3 แห่งด้วยกัน โดยเริ่มจากวัดหลวงปู่สุภา วัดฉลอง และ วัดพระใหญ่เขานาคเกิด

เหรียญเจริญยศ (เหรียญวางศิลาฤกษ์ พระอุโบสถ)

     เหรียญปั้มที่เหมือนองค์หลวงปู่มากที่สุด เหรียญนี้มีดำริจัดสร้างประมาณเดือนกันยายน 2547 ขณะที่กำลังดำเนินการสร้างเหรียญนี้ยังไม่แล้วเสร็จก็ได้รับทราบข่าวมหามงคลที่หลวงปู่สุภาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่พระมงคลวิสุทธิ์ นับเป็นนิมิตรหมายอันดีคณะศิษย์จึงตั้งชื่อเหรียญปั้มที่เหมือนหลวงปู่ที่สุดรุ่นนี้อีกชื่อว่า " เหรียญเจริญยศ " เหรียญนี้ด้านหน้าเป็นองค์หลวงปู่ครึ่งองค์แบบเต็มหน้า ด้านหลังเป็นพญาแมงมุมเรียกทรัพย์มีคำว่า " ฉลองวันเกิด 109 ปี " และลายเซ็นหลวงปู่เหรียญนี้ถือได้ว่าเป็นเหรียญปั๊มที่สวยงามเพียบพร้อมด้วยพุทธศิลป์และความคมชัด นิมิตรการจัดสร้างก็ดีเยี่ยม ต่อไปคงจะเป็นเหรียญหลักของหลวงปู่สุภาอีกเหรียญหนึ่งแน่นอน (คำว่าเจริญยศก็หมายถึงเจริญก้วยหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง) 



แมงมุมเรียกทรัพย์เกาะก้อนทอง

 แมงมุมเรียกทรัพย์เกาะก้อนทอง

       แมงมุมเรียกทรัพย์เป็นวิชาที่หลวงปู่สุภาทำได้ขลังที่สุด เพราะสืบต่อมาจากยอดปรมาจารย์หลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยมีอานุภาพดังนี้ " แมงมุมมีศีลสะอาดหากินสบายไม่ต้องออกไปหากิน ชักใยดักเหยื่อเข้ามาถึงรังเข้ามาถึงถิ่น เหมือนเราเปิดทองดักเงินดักทองดักโชคลาคไว้ไม่ต้องวิ่งหาเงินทองโชคลาภโภคทรัพย์จะเข้ามาหาเองถึงบ้านถึงร้านถึงถิ่นฐาน " หลวงปู่สุภาทำแมงมุมหลายครั้งดังมาก ทุกรุ่นช่วยคนหากินช่วยคนรวย ช่วยคนประสบความสำเร็จมาเยอะมาก แมงมุมหลวงปู่ปลุกเสกแมงมุมที่อุดมไปด้วยโชคลาภและมั่งมีคือแมงมุมเกาะก้อนทองฮกลกซิ้ว




     เป็นลักษณะพญาแมงมุมท้องมียันต์ครูหลวงปู่กำกับอยู่เกาะอยู่บนก้อนทองแท่งแบบจีนอันหมายถึง " แมงมุมราชาแห่งทรัพย์สมบัติ " ที่ก้อนทองมีตัวอักษรมงคลของจีน 3 ตัว คือ ฮก หมายถึง โชคลาภเงินทอง, ลก หมายถึง บุญบารมีอำนาจวาสนาสูงส่ง, ซิ้ว หมายถึงสุขภาพพลานามัยอายุยืนแข็งแรง แมงมุมเรียกทรัพย์เกาะก้อนทองรุ่นนี้ของหลวงปู่ ออกแบบได้สวยงามเล็กน่าติดตัวพร้อมทั้งเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ทรัพย์สินเงินทองร่ำรวยอำนาจวาสนาอายุยืนยาว ผนวกกับอานุภาพแมงมุมเรียกทรัพย์สุดยอดวิชาของหลวงปู่ยิ่งทำให้แมงมุมรุ่นนี้เป็นสุดยอดของเครื่องรางทางมหาเศรษฐี โภคทรัพย์ ทำมาหากิน ร่ำรวยเงินทองอย่างแท้จริง เชื่อได้ว่าแมงมุมรุ่นนี้จะเป็นแมงมุมรุ่นอมตะอีกรุ่นหนึ่งที่จะมีค่าสูงและหายากในอนาคตอันใกล้นี้

พระกริ่งปวเรศ อมตะพระกริ่งของหลวงปู่สุภา

                                          ท่านเจ้าคุณพระมงคลวิสุทธิ์ หลวงปู่สุภา กนตฺสีโล วัดสีลสุภาราม ในรูปวัย ๑๐๙ ปีแล้ว                          ยังแข็งแรงโปรดญาติโยมอย่างเมตตาทุกวัน
    

    หลวงปู่สุภาหรือพระมงคลวิสุทธิ์ พระเถระผู้ใหญ่เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมีกระแสจิตเร็วและแรง ความจำดีเลิศเป็นศิษย์เอกรูปเดียวของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า (ศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับสมเด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรเขต อุดมศักดิ์) หลวงปู่สุภาได้ชื่อว่าเป็นยอดของพระอริยสงฆ์ยุคกึ่งพุทธกาลเพียบพร้อมด้วยบารมีอายุและพรรษาสรรพวิชาภูมิรู้ ภูมิธรรมเป็นผู้รู้ราตรีนานอุดมไปด้วยอิทธิฤทธิ์และปาฎิหาริย์ ยากนักที่จะหาพระอริยสงฆ์ระดับนี้ได้อีกในแผ่นดิน






     พระกริ่งปวเรศ อมตะพระกริ่งของหลวงปู่สุภา พระกริ่งปวเรศเป็นพระกริ่งสูงค่าอมตะเป็นพระกริ่งองค์แรกที่กำเนิดในแผ่นดินไทยโดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวิยาลงกรณ์ ทรงไว้ทั้งพุทธศิลป์และความขลัง ศักดิ์สิทธิ์มีจำนวนน้อยส่วนใหญ่ตกอยู่กับเชื้อพระวงศ์คนทั่วไปคงจะเห็นแค่รูปภาพและเรื่องราวเป็นตำนานเท่านั้นด้วยความเป็นพระกริ่งแรกในแผ่นดินสร้างโดยพระมหาเถระเจ้าชั้นสูง ถูกต้องตามตำราพิธีกรรมพระกริ่งโดยแท้จึงเป็นทำเนียมสืบต่อมาว่าพระมหาเถระผู้ทรงทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ สูงด้วยภูมิธรรมเท่านั้นจึงจะสร้างพระกริ่งสำคัญนี้ได้ อาทิ ท่านเจ้าคุณพระราช สังวราภิมณฑ์ (หลวงพ่อโต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี) สร้างพระชัยปวเรศ ปี 2522 สมเด็จพระฌานสังวร สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน สร้างพระกริ่งปวเรศ ปี 2530 บัดนี้ พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระมงคลวิสุทธิ์ หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล พระมหาเถระผู้มีอาวุโสอายุถึง109 ปีเพียบพร้อมทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ ทรงคุณธรรมมีวัตรปฏิบัติปฏิทาศิลาจารวัตรอุดมสมบูรณ์และยังเต็มไปด้วยพลังแห่งวิชาอาคม พลังจิต และบารมีได้ปลุกเสกสุดยอดพระกริ่งปวเรศ พระกริ่งอมตะแห่งยุคฝากไว้ในแผ่นดิน

รายละเอียดองค์พระบรรจุของศักดิ์สิทธิ์ไว้ 3 อย่าง
มงคลสูงค่า พระธาตุที่เสด็จมาเองนี้เรียกว่า พระธาตุเทพนิมิตร มีเทวดารักษาอยู่ ผู้บูชาจะเจริญรุ่งเรืองด้วยยศศักดิ์เป็นมหาเป็นพระกริ่งที่จัดสร้างเหมือนองค์พระกริ่งปวเรศองค์ครูของวัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อทรงไว้ซึ่งคุณค่าพิมพ์ทรงที่สง่างามมีเอกลักษณ์เฉพาะองค์ภายในองค์พระกริ่งได้บรรจุของวิเศษ 3 ชนิด เพื่อให้แตกต่างจากของเก่าและเป็นการบ่งบอกถึงพลานุภาพขององค์พระเปิดตำนวนพระกริ่งปวเรศของหลวงปู่สุภาอีกโสตหนึ่งของมงคล 3 อย่างคือ

1. 
พระธาตุสัญฐานเมล็ดถั่วแตก พระธาตุองค์เดิมได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระฌาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชเพื่อบรรจุในพระเจดีย์ต่อมาเมื่อบูชาไว้ (ยังไม่ได้บรรจุ) มีพระธาตุเสด็จมาเพิ่มขึ้นเองจำนวนมากพระธาตุองค์เดิม ได้อัญเชิญบรรจุในเจดีย์ไปแล้วส่วนพระธาตุที่เสด็จมาเพิ่มเองนี้ได้ขอนำมาบรรจุในพระกริ่งปวเรศ หลวงปู่สุภาซึ่งเป็นมหาบารมีอย่างสูงสุด

2. เกศาหลวงปู่สุภา เป็นเกศาที่หลวงปู่ปลงและเสกเก็บไว้ เกศาบางส่วนได้รวมกันจับเป็นก้อนจะสังเกตว่า เกศาหลวงปู่สุภามีความสว่างใสเป็นแก้วอย่างน่าประหลาด เกศาถือว่าเป็นของดีของมงคลมากโบราณ จะพูดว่าเกศาเป็นส่วน ที่อยู่สูงสุดของร่างกาย วิชาอาคมพลังสมาธิจิตต่างๆ จะถูกบรรจุอยู่ในเกศาทั้งหมด เกศาถือเป็นตัวแทนขององค์หลวงปู่ เหมือนมีหลวงปู่อยู่กับพระกริ่งปวเรศทุกองค์

3. ผ้าขาวม้า ผ้าขาวม้าเป็นของวิเศษอีกอย่างหนึ่งที่เกจิยุคโบราณจะนิยมทำให้เฉพาะศิษย์ไว้ป้องกันตัว ไปที่ไหนเข้าที่ไหนก็ไม่เสื่อมจากอาคมโบราณกาลเชื่อว่าผ้าขาวม้ามีตามาก (ตาลายผ้า) จะป้องกันภัยได้ดี หลวงปู่สุภาเป็นพระเกจิยุคโบราณร่างกายสูงใหญ่ ท่านรู้ถึงเคล็ดวิชาผ้าขาวม้าดี ท่านได้ปลุกเสกผ้าขาวม้าไว้ให้ 3 ผืน เพื่อบรรจุในพระกริ่งผ้าขาวม้าของหลวงปู่เคยมีคนไม่เชื่อว่าผ้าขาวม้าที่เสกแล้วขลังเอาปืนไปทดลองยิง ปรากฏว่ายิงไม่ออก 2 นัดยิงออกแต่ไม่ถูกผ้า 1 นัด
หมายเหตุ พระกริ่งปวเรศหลวงปู่สุภาทุกองค์ทุกเนื้อบรรจุของวิเศษทั้ง 3 นี้ทั้งหมดเสมอกัน 

วิธีการปฏิบัติทำจิตใจให้เข้าถึงคุณพระ ยกเอาพระคุณเป็นที่พึ่ง


ก่อนที่ท่านจะออกจากบ้านไปไหนมาไหนก็ดี เมื่อท่านเอาพระนี้ติดตัวไปด้วย หรือมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นก็ดี ให้ตั้งจิตเป็นสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าว่า พุทธ หายใจออกว่า โธให้กระแสจิตนิ่งไปจดจ่ออยู่ที่องค์พระ ระลึกถึงออกชื่อทำความปรารถนาตามคำดีคำชอบ แล้วจึงบริกรรมพระคาถานี้ "มะอะอุนะ อะอุนะมะอุ อุอะมะนะ นะอะอุมะ" 3 หรือ 7 จบ แล้วจึงออกเดินทาง หลวงพ่อรับรองว่าบุคคลนั้นจะไม่ไปเสียชีวิตข้างหน้า จะต้องกลับมาเสียชีวิตบ้านเดิม แม้จะเกิดณรงค์สงครามก็แล้วแต่
ถ้าถูกเขาจับเป็นแนวที่ 5 หรือถูกคุมขังก็ดี ให้ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วบริกรรมพระคาถานี้ "อิโม อะสัง ปิทาวิสัง พุโสพะยะโร อายัตวา พุปุสะทา อะระนะพุภะ มหัง" โซ่ตรวนนั้นจะหลุดออกแล้วกลับมาบ้านเดิมได้
ถ้าท่านใช้ในทางค้าขาย เมื่อท่านจะมาจากบ้านไปซื้อของ ให้ตั้งจิตอธิษฐานแล้วบริกรรมพระคาถานี้ "มะอะอุนะ อะอุนะมะอุ อุอะมะนะ นะอะอุมะ" 3 หรือ 7 จบ เมื่อท่านซื้อของได้แล้ว ท่านจะนำของนั้นมาขายเอากำไรอีกต่อ ให้ว่าพระคาถาดังข้างต้นนี้จนจบแล้วต่อท้ายด้วยพระคาถานี้ "มะอะอุ มานิมามา" ของๆ ท่านจะขายได้ตามประสงค์
นี้เป็นคุณสมบัติของพระผงว่าน 2,000 กว่าชนิด ของหลวงปู่สุภา กนตสีโล
ส่วนพระเสด็จกลับนั้น บางท่านอาจไม่เข้าใจ คำว่าพระเสด็จกลับนั้นคือ หลวงพ่อได้นำเอาพระในพิธีจำนวนหนึ่งไปอาราธนาลงในแม่น้ำ แล้วมาทำพิธีเรียกให้เสด็จกลับ พระจะเสด็จกลับหมดทุกองค์ภายใน 6 หรือ 7 วัน นี้นับว่าเป็นคุณสมบัติพิเศษกว่าพระในพิธีธรรมดาทั้งหลาย
หากท่านผู้ใดไม่มีความเชื่อถือ ไม่ควรนำไปใช้ ผู้ที่นำไปทดลองทำเป็นเล่น โดยปราศจากความเคารพในรูปพระพุทธเจ้า ที่พระอาจารย์และพระอาจารย์ได้บรรลุแล้ว เป็นบาปกรรมอย่างหนักเทพยดาและแรงครู จะบันดาลให้เกิดโทษนานาชนิด เสื่อมลาภ เสื่อมยศ หมดที่พึ่ง

ประวัติและขั้นตอนการสร้าง หุ่นขี้ผึ้งรูปเหมือน หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล


ประวัติและขั้นตอนการสร้าง
“ไม่เคยคิดเลยว่า การสร้างหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาส รูปเหมือนของหลวงปู่สุภา กนฺตสีโล ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่สีทัตต์ ท่าอุเทน จ.นครพนม เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท จะสำเร็จเป็นจริงขึ้นมาได้ดังที่ตั้งจิตอธิษฐานไว้…”
คำอธิษฐาน
“ถ้าถึงวันเวลาอันควร เหมาะสมกับกาลเทศะ ด้วยประการทั้งปวงแล้ว ข้าพเจ้าทั้งหลายขอตั้งจิตอธิษฐาน น้อมนำคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บารมีของครูบาอาจารย์ที่เคารพ บูชา โปรดให้พรแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอสร้างบุญกุศลในกาลนี้ ให้สำเร็จลุล่วงด้วยดีทุกประการ ปราศจากอุปสรรคใดๆ ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ของข้าพเจ้าทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าบุญวาสนามีจริง ก็ขอให้ได้สร้างหุ่นขี้ผึ้งรูปเหมือนไฟเบอร์กลาส ของครูบาอาจารย์ทั้งสอง คือ หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล 1 องค์ และหลวงปู่คำพัน โฆสปัญโญ 1 องค์ เพื่อไว้บูชา สักการะทั่วหน้ากันต่อไปในภายภาคหน้าด้วยเทอญ “
…คำอธิษฐานก็เป็นจริง หลวงปู่ทั้งสองรู้เจตนาก็อนุญาตให้สร้าง ซึ่งก็แปลกใจอยู่เสมอว่า “หลวงปู่ทั้งสองอนุญาต ในคราวเดียวกัน แม้ว่าท่านจะอยู่คนละที่ ท่านหนึ่งอยู่ภาคใต้ อีกท่านอยู่ภาคอีสาน” และให้สร้างสำเร็จด้วยดี สมกับความตั้งใจ…
หลวงปู่ได้ให้คำปรึกษามาโดยตลอด และสละเวลาเป็นเวลานานๆ ในบางขั้นตอนของการเก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ของการสร้าง เพื่อให้หุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสรูปเหมือน เสร็จสมบูรณ์ใกล้เคียงหรือพร้อมๆ กันในเวลาต่อมา

ขั้นตอนการสร้าง
หลังจากที่ได้รับอนุญาตให้สร้างหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสของ หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล แล้วก็ได้ติดต่อโรงหล่อปฏิมากรพรเลิศ ซึ่งข้าพเจ้าทั้งหลายคุ้นเคย และได้ติดต่อเททองสร้างพระอยู่เรื่อยๆ การได้รับการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีของเจ้าของสถานที่ ช่าง และผู้ร่วมงานที่ดีเสมอมานั้น ทำให้ข้าพเจ้าทั้งหลายประทับใจในผลงาน และมอบความไว้วางใจติดต่อสร้างหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาส โดยไม่ลังเลใจ โดยมีช่าง วิรัช รอดเรืองนาม เป็นช่างปั้น และขึ้นแบบ เก็บรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ ตลอดจนผู้ร่วมงานที่มีส่วนช่วยกันสร้าง จนงานแล้วเสร็จสมบูรณ์
หลวงปู่สุภาได้มอบมวลสาร ซึ่งเป็นวัตถุมงคลเพื่อนำมาผสมทำเป็นดวงตาโดยเฉพาะ (และเพื่อให้เป็นส่วนผสมทำดวงตาหุ่นขี้ผึ้ง ของหลวงปู่คำพันด้วยเช่นกัน) นอกจากนี้ ยังมีเกศาของหลวงปู่สุภา กนฺตสีโล ผ้าจีวร และอื่นๆ เพื่อให้ใช้ในการประกอบขั้นตอนของการสร้าง จะได้รูปเหมือนหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสที่สมบูรณ์ รวมทั้งเตรียมสร้างอาสนะที่ตั้งหุ่น หลวงปู่ได้อนุญาตให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย โมทนาบุญที่ตั้งหุ่นส่วนหนึ่ง และส่วนหนึ่งให้ผู้อื่นได้มาร่วมโมทนา จะได้รับบุญกันถ้วนหน้า ขอบพระคุณหลวงปู่ที่เมตตาทุกคนโดยทั่วถึงกันมา ณ โอกาสนี้เทอญ

ระยะเวลาในการสร้าง
ระยะเวลาในการสร้างหุ่นขี้ผึ้ง 1 องค์นั้น ได้ทราบจากโรงหล่อว่า อย่างน้อยต้องใช้เวลา 8 เดือน จึงจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งระยะเวลานั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายไม่ได้เร่งรัดรีบด่วน จึงให้ทางโรงหล่อค่อยๆ ทำ เพื่อสร้างไปเรื่อยๆ แล้วแต่จังหวะ และเวลาทางหลวงปู่ และทุกคนสะดวก และโอกาสอำนวย หุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสนี้ เริ่มสร้างเมื่อปลายปี พ.ศ. 2544 แล้วเสร็จเมื่อต้นปี พ.ศ. 2546 แต่ไม่ได้ถวายทันที รอให้หลวงปู่ท่านกำหนดเวลาอันสมควรให้มาถวายพร้อมเพรียงกัน ทั้ง พ่อ แม่ พี่น้อง ญาติสนิท มิตรสหาย บริวาร และญาติโยมทั้งหลาย ร่วมโมทนาบุญครั้งนี้ทั่วหน้ากัน


ขั้นตอนต่างๆ
ขั้นตอนแรก
  1. ถ่ายรูปให้ละเอียดในทุกๆ ด้าน
  2. วัดขนาดทุกส่วนของอวัยวะภายนอกร่างกายที่จำเป็น ในการประกอบการสร้าง เช่น กะโหลก ศรีษะ ตา หู คอ จมูก แขน ขา เป็นต้น
  3. เอาข้อมูลทั้งหมดเพื่อปั้นรูปดิน นำรูปที่ถ่ายรวมทั้งขนาด ข้อมูล ประกอบการขึ้นดิน และปั้นหุ่นดิน และพิจารณาดูให้เหมือนองค์จริง
  4. ถอดพิมพ์ต่อย เมื่อเห็นว่าเหมือนจริงแล้ว ช่างปั้นส่งรูปดินให้ถอดพิมพ์ต่อย โดยใช้ปูนพลาสเตอร์ เมื่อถอดพิมพ์เสร็จแล้ว ก็จะแกะพิมพ์ และขูดเอาดินออกจากพิมพ์ให้หมด แล้วเอาพิมพ์ไปล้างน้ำให้ดินหมด จนกว่าจะสะอาด พิมพ์ปูนพลาสเตอร์จะมีสีขาว เสร็จแล้ว ช่างถอดพิมพ์ก็จะบุขี้ผึ้งต่อในขั้นตอนต่อไป
  5. บุขี้ผึ้ง คือการทาขี้ผึ้งลงในพิมพ์ปูนพลาสเตอร์ แล้วประกบพิมพ์ รอจนกว่าขี้ผึ้งแห้งสนิทดีแล้ว จึงแกะพิมพ์ปุนออก ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนบุขี้ผึ้ง จากนั้นก็จะเก็บรายละเอียดอีกครั้ง ให้เหมือนองค์จริงมากที่สุด ขั้นตอนนี้จึงสำคัญ เพราะว่าหุ่นขี้ผึ้งจะเหมือนจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้เป็นสำคัญ
  6. ขั้นตอนไฟเบอร์ ถ้าผ่านขั้นตอนบุขี้ผึ้งไปแล้ว ก็จะถึงขั้นตอนไฟเบอร์ ซึ่งจะแก้ไขอีกไม่ได้ เพราะคุณสมบัติของไฟเบอร์ เป็นวัสดุแข็ง จะแก้ไขเหมือนขี้ผึ้งไม่ได้ เมื่อแน่ใจว่าหุ่นเหมือนจริงแล้ว ก็จะเป็นหน้าที่ของช่างฝีมือ ที่เก็บรายละเอียดเกี่ยวกับรอบย่น และริ้วรอยต่างๆ ตามร่างกาย เช่น ทำผิว มาร์คผมที่จะใช้สำหรับให้ช่างเจาะรูใส่ผม แยกสัดส่วน เช่น แขน ขา องค์ เป็นต้น เมื่อช่างเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับร่างกายเสร็จแล้ว ก็จะส่งไปขั้นการถอดพิมพ์


ถอดพิมพ์
การถอดพิมพ์ยางซิลิโคน ใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ เมื่อถอดพิมพ์เสร็จแล้ว จะส่งผ่านไปให้ช่างหล่อ ทำการหล่อไฟเบอร์ใช้เวลาประมาณ 3 วัน เมื่อหล่อเสร็จ ก็ถึงขั้นตอนการแต่ง
การแต่งรายละเอียด
ช่างจะแต่งรอยต่อต่างๆ ที่อยู่ในองค์ไฟเบอร์ให้เรียบร้อย เสร็จแล้วจะประกอบดวงตา ซึ่งใช้เวลาในการประกอบ ในขั้นนี้ประมาณ 1 วัน จากนั้นก็ส่งให้ช่างเจาะรูเส้นผม ใช้เวลาอีกประมาณ 1 สัปดาห์ เมื่อเรียบร้อยก็จะปลูกเส้นผม ขั้นตอนนี้ใช้เวลานานถึง 2 เดือน จบขั้นตอนปลูกผม ก็จะสามารถให้ช่างประกอบหุ่นขึ้นรูปร่าง และตัดแต่งผม เสร็จแล้วก็เพ้นท์สีผิว ขั้นตอนการเพ้นท์สีผิวนี้ใช้เวลานานพอสมควร ประมาณ 15 – 20 วัน เพราะนอกจากเพ้นท์สีผิวแล้ว จะต้องเก็บรายละเอียดทั้งหมด เช่น รอยกระ รอยย่น ไฝ ฝ้า เส้นเอ็น เส้นเลือด ยันต์รอยสักต่างๆ เป็นต้น เมื่อทุกอย่างเสร็จพร้อมแล้วก็ครองจีวร และประกอบอาสนสงฆ์ เป็นอันว่าเสร็จสมบูรณ์รอถวาย
ในวาระมงคลวันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2547 หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล ได้เมตตากำหนดวัน เวลา ถวายหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสรูปเหมือน ซึ่งถือได้ว่าเป็นองค์แรกที่หลวงปู่อนุญาตให้สร้างขึ้น เริ่มดำเนินการเมื่อปลายปี พ.ศ. 2544 จนสร้างเสร็จเมื่อต้นปี พ.ศ. 2546 หลวงปู่ได้ให้ญาติโยมนุ่งขาว ห่มขาว ถือศีล ร่วมนั่งกรรมฐาน วิปัสสนา พร้อมเพรียงกัน ตั้งแต่เวลา 2 ทุ่ม จนถึงเที่ยงคืน ในวันที่ทำพิธีถวาย และหลวงปู่จะทำพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธรูปหน้าตัก 9 นิ้ว จำนวน 198 องค์ ซึ่งพระพุทธรูปรุ่นนี้ มีความงดงามมาก โดยมีสองพุทธลักษณะ คือ ความงดงามของพระศรีศาสดา และ พระพุทธสีหิงค์ รวมอยู่ในองค์เดียวกัน (ช่างไล้ เป็นผู้ปั้นหุ่นขึ้นแบบ) หลวงปู่ได้เมตตาตั้งชื่ออันเป็นมงคลของพระพุทธรูปบูชานี้ว่า พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2547 เวลาประมาณ บ่ายโมงเศษ หลวงปู่บอกว่า “พุทธะ” เสมือนพระพุทธรูป ซึ่งแสดงถึงตัวแทนพระพุทธเจ้า หรือองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า “มงคล” หมายถึง สิ่งที่ดี สิ่งที่งาม สิ่งที่ประเสริฐ พร้อมด้วยความสุขสบายกาย สบายใจ เป็นนิมิตรอันประเสริฐ มีความศักดิ์สิทธิ์นับว่าเป็นมงคลนาม บังเกิดให้มีแต่ความดีงาม ความเจริญรุ่งเรือง มีความสุขกาย สบายใจ และเข้าพึงพระพุทธะ โดยถ้วนหน้ากัน
ทางโรงหล่อปฏิมากรพรเลิศได้ให้ช่วยกราบเรียนขออนุญาต หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล ถึงความประสงค์ ความศรัทธามีกุศลเจตนาที่ดี เป็นประโยชน์ต่อญาติโยมทั้งหลาย เพื่อสร้างหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสขึ้นอีกเป็นองค์ที่สอง เหมือนกับองค์แรก ไว้ให้บูชา กราบไหว้ที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง จ.ราชบุรี
ด้วยวัยที่ชราภาพ ย่าง 109 ปี ของหลวงปู่สุภา กนฺตสีโลแต่หลวงปู่ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย โปรดพระภิกษุ สงฆ์ สามเณร ศิษยานุศิษย์ ญาติโยมทั้งหลายที่แวะมากราบนมัสการหลวงปู่ตลอดมา แม้ว่าในบางครั้งกายสังขารความชราภาพปรากฏ หลวงปู่ก็ไม่เคยท้อต่อกายสังขารเลยแม้แต่น้อย ยังคงโปรดทุกคนทั้งหลายเสมอมา นับว่าเป็นบุญวาสนาของทุกคนที่ได้กราบนมัสการหลวงปู่
ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ตั้งสัจจาอธิษฐานไว้ว่า “พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์” มีจำนวน 198 องค์ จะแบ่งถวายเป็น 2 ชุด ชุดละ 99 องค์
พระชุดแรกมี 99 องค์ ถวายหลวงปู่สุภา กนฺตสีโล ทั้งหมด ผู้มีจิตศรัทธาจะบูชา เพื่อเป็นสิริมงคลก็บูชาได้ โดยปัจจัยจะถวายทางวัดทั้งหมด เพื่อนำไปสร้างพุทธประโยชน์สืบไป
พระชุดที่สอง มี 99 องค์ ถวายวัดหลวงปู่คำพัน โฆสปัญโญ ทั้งหมด เพื่อนำปัจจัยที่ได้ร่วมสมทบทุนสร้างศาลาการเปรียญต่อไป (ติดต่อได้โดยตรงกับทางวัดทั้งสองแห่ง)
พระพุทธมงคล ศักดิ์สิทธิ์
พระพุทธรูป “พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์” นี้ มีสองพุทธลักษณะรวมอยู่ในองค์เดียว มีพุทธลักษณะของพระศรีศาสดา กับ พุทธลักษณะของพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งควรแก่การบูชา สักการะ และหลวงปู่ทั้งสอง คือ หลวงปู่สุภา กนฺตสีโลทำพิธีพุทธาภิเษกให้ หลวงปู่คำพัน โฆสปัญโญ ทำพิธีสร้าง ดังนั้นเสมือนหนึ่งว่า “พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์” นี้ ได้รับความเมตตา ทำพิธีให้เกิดพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์ ถูกต้องตามการสร้างพระพุทธรูปมาแต่พุทธโบราณกาล คือ มีพิธีสร้าง และพิธีพุทธาภิเษกที่ถูกต้องสมบูรณ์ สำเร็จเป็นองค์พระที่น่าบูชาเป็นอย่างยิ่ง และด้วยอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยดลบันดาลให้เหตุการณ์ต่างๆ เป็นไปตามความเหมาะสม ทั้งเหตุการณ์ เวลา และปัจจัยอื่นๆ จนสำเร็จได้ด้วยดี ตั้งแต่ก่อนสร้าง เริ่มสร้าง สร้างเสร็จสมบูรณ์นั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมระลึกอยู่ในจิตตลอดไป
วันจันทร์ ที่ 7 เมษายน 2546 เป็นพิธีสร้างพระที่หลวงปู่คำพัน ได้กำหนดวัน เวลา และท่านตั้งใจมาเป็นประธานในพิธี หลวงปู่บอกว่า แม้กายสังขารจะเป็นอย่างไร หลวงปู่ก็ตั้งใจจะมาให้เอง (เพราะขณะนั้นสุขภาพของท่านไม่ค่อยแข็งแรง) ซึ่งนับว่า พระรุ่นที่หลวงปู่ ได้เมตตามาเป็นประธานในวันนี้ เป็นรุ่นสุดท้ายของหลวงปู่คำพัน
ในวันทำพิธี พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ และร่วมพิธีถึง 121 รูป ญาติโยมที่มาร่วมในพิธีมากมายราวเกือบหนึ่งพันคน เพราะดูจากของที่ระลึกที่เตรียมไว้แจกนั้น แจกไปราวๆ เกือบหนึ่งพันองค์
หลวงปู่สุภา ได้มอบฉนวนหล่อพระ ที่ทำพิธีอธิษฐานจิตแล้ว ให้ญาติโยมได้อธิษฐานในพิธี หลวงปู่คำพันได้อธิษฐานจิตฉนวนหล่อพระ และมีวัตถุมงคลอีกจำนวนหนึ่งด้วยเช่นกัน
ดังนั้น พระพุทธศักดิ์สิทธิ์ มีจำนวนน้อยมาก ท่านผู้มีจิตศรัทธาที่จะบูชาติดต่อกับทางวัดได้โดยตรง เสมือนหนึ่งท่านได้สิ่งที่เป็นสิริมงคลไปบูชาสักการะ และอีกทางหนึ่งก็ได้ช่วยทำนุบำรุงพุทธศาสนา และเพื่อพุทธประโยชน์สืบไป
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ช่วยดลบันดาลให้ท่านที่มาร่วมอนุโมทนา
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยดลบันดาลให้ท่านที่มาร่วมอนุโมทนา ผู้ร่วมพิธี ตลอดจนสาธุชนทั้งหลาย จงมีแต่ความสุข ความเจริญ ปรารถนาสิ่งใดถูกต้องในศีลและธรรม ขอให้สมความปรารถนาและมีความสำเร็จทุกประการเทอญ
พุทธลักษณะของพระพุทธสิหิงค์
พุทธลักษณะ ปางสมาธิ ขัดสมาธิราบขนาดหน้าตัก 66 เซนติเมตร สูงจากพื้นที่ประทับถึงพระรัศมี 91 เซนติเมตร วัสดุโลหะสัมฤทธิ์ ส่วนด้านศิลปกรรม เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างในลังกา พระสรีระได้ส่วน และงามที่สุด นอกจากพระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลกแล้ว จะหาพระพุทธรูปโบราณที่มีอยู่ในประเทศไทยงดงามได้ส่วนเทียบพระพุทธสิหิงค์ไม่ได้ และเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาติไทย เป็นสิริมงคล และหลักใจของพุทธศาสนิกชน มีอานุภาพสามารถบำบัดความทุกข์ทางใจให้เหือดหาย เมื่อท้อถอย หมดมานะแล้วได้สักการะ จะทำให้ดวงใจอันเหี่ยวแห้งกลับสดชื่น มีความเข้มแข็ง จิตใจที่หวาดกลัวจะกลับกล้าหาญ จิตที่เกียจคร้านจะมีแต่วิริยะ ผู้หมดหวังจะมีกำลังใจ “พระพุทธสิหิงค์ เมื่อเสด็จประทับอยู่ในที่ใดๆ ย่อมทรงทำให้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองดั่งดวงประทีป เหมือนหนึ่งว่าพระพุทธเจ้าทรงพระชนม์อยู่” ชาวไทยมีพระพุทธรูปนามว่า พระพุทธสิหิงค์ถึง 3 องค์ นอกจากที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์แล้ว ยังมีที่นครศรีธรรมราชองค์หนึ่ง และที่เชียงใหม่อีกองค์หนึ่ง
พุทธลักษณะพระศรีศาสดา
ปางมารวิชัย วัสดุโลหะ ขนาดหน้าตัก 6 ศอก เป็นศิลปกรรมสมัยสุโขทัย เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยรุ่นเดียวกับพระพุทธชินราช และพระพุทธชินสีห์ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในพระวิหารพระศรีศาสดา ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ พุทธลักษณะงดงาม

ขึ้นต้นทางพุทธศาสตร์ และพระธรรมดวงแก้ว ๗ แล




สาธุ (สามที) อุกาสะ (สามที) แล้วว่า… ข้าพเจ้าจักขออาราธนาเอาด้วงแก้วเจ็ด คือ พระอุปจารสมาธิ และพระอุปัญณาสมาธิทั้งเก้าประการ สิบกับดวงแก้วทั้งสิบอันบังเกิดแต่พระพุทธเจ้า แต่พระธรรมเจ้า แต่พระปัจเจกโพธิ์เจ้า และอรหันตาเจ้า ขอให้ดวงแก้วทั้งเจ็ด จงเสด็จมาอยู่ในขันธ์ทั้งห้าแห่งผู้ข้าในกาลบัดเดี๋ยวนี้เทอญ?
แก้วมณีโชติพระยาจักร์รักษาไว้ในป่าหิมพานต์ฯ
แก้วมณีจินดาอยู่หัวใจพระยาเทวดารักษาไว้ที่สูง?
แก้ววัชชิระเพชระพระยานันทารักษาไว้ในถ้ำท่งเตง?
แก้ววิเชียรพระยาพร้อมรักษาไว้ที่สูงกว่ากงแก้ว พระยาอินทารักษาไว้ในตาวติงสา?
แก้วมณีสิบประการพระยาจงรักษาไว้ ในป่าพิมหานต์อยู่สะดือ?
แก้วมณีจินดาสองพระยา เทวดารักษาไว้ในที่สูงอยู่หัวใจ?
แก้ววัชชิระเพชระสามประการ พระยานาครักษาไว้ในถ้ำท่งเตงอยู่คอ?
แก้ววิเชียรสี่พระยาพรหมรักษาไว้ในที่สูงอยู่ง่อน?
กงจักร์แก้วห้าพระยาอินทารักษาไว้ในตาวติงสาอยู่ปาก?
แก้วไพฑูรย์หกพระยานาครักษาไว้ในเมืองนาคอยู่หัวทั้งสอง?
มะ อะ อุ นะ อุ อะ นะ มะ แก้วมณีโชติอยู่หน้า แห้วไพฑูรย์อยู่อก อุ มะ นะ อะ นะ มะ อะ อุ แก้วปัทธรรมราชอยู่หน้า แก้ววิเชียรอยู่หลัง
อุณะโรปะบีสัฐถาเว ?
สิทธิการิยะอาจารย์เจ้า ท่านยกมาจากพรหมวิหาร ให้เป็นทานแก่กุลบุตรทั้งปวง แก้วสิบหกยกเอาสี่ตัวพระเจ้าอยู่หัวตัวเดียวอย่าละ บุคคลผู้ใดแก้ได้จักได้พระนิพพานอย่างแท้จริงแล?
นะ อุ นะ อะ นะ มะ ?
บทนี้แก้วมณีโชติแล ?
มะ อะ มะ อุ มะ นะ ?
บทนี้แก้วไพฑูรย์แล ?
อะ มะ อะ นะ อะ อุ ?
บทนี้แก้วปัทธรรมราชแล ?
อุ มะ อุ นะ อุ อะ ?
บทนี้แก้ววิเชียรแล ?
อะ มะ อะ นะ อะ อุ ?
นะ อุ นะ อะ นะ มะ ?
เมื่อเขาจะจับเราให้เอาสองบทนี้เข้าในตัวเราจับไม่ได้เลยแก้วทั้งสองลูกนี้จักรักษาอุ คือพี่ อะ คือตัวเรา นะ คือพ่อ มะ คือแม่แล ?
อะ นะ อะ มะ อะ อุ ?
บทนี้เสกเป่าตัวกันได้สารพัดแล ?
นะ อะ นะ อุ นะ มะ ฯ
อุ นะ อุ มะ อุ อะ
สองบทนี้ภาวนา เจ็ดจบมักจักได้อันใดได้ดังใจมักแล ?
นะ อุ นะ อะ นะ มะ ฯ
บทนี้ภาวนาเวลาจะไปทางน้ำแล ?
มะ อะ มะ อุ มะ นะ ฯ
บทนี้ภาวนากันผีแล ?
อะ นะ อะ มะ อะ อุ ฯ
บทนี้เสกด้ายมงคลกันไฟแล ?
อะ นะ มะ อะ อุ
อุ นะ อุ มะ อุ อะ
นะ อุ นะ อะ นะ มะ
อุ อะ อุ นะ อุ มะ
สี่บทนี้ภาวนาเอาน้ำมากินได้ แลอยากได้อันใดภาวนาเอาได้ดังใจมักแล ?
ถ้าจะทำการใดๆ หรือจะให้เป็นนกยาง ให้เสกด้วยอาโป
ธาตุร้อยเอ็ดคาบเป็นนกยางได้แล ?
ถ้าจะให้เป็นตั๊กแตน ให้เสกด้วยวาโยธาตุเป็นแล ? อาจารย์กล่าวไว้ว่าเส้นผมบังภูเขาให้แปลเอาไปให้ได้ถ้าบ่อได้ บ่อพ้นทุกข์แลท่านเอย ?
อะ มะ นะ อุ ธาตุน้ำ
มะ นะ อะ อุ ธาตุไฟ
อะ นะ มะ อุ ธาตุดิน
มะ นะ อุ อะ ธาตุลม
อุ นะ อะ นะ มะ นะ
อะ อุ มะ อุ นะ อุ
นะ มะ อะ มะ อุ มะ
มะ อะ อุ อะ นะ อะ
สี่บทนี้ให้เอาเข้าทั้งสี่บทแล?
นะ อุ นะ อะ นะ มะ
มะ นะ มะ อะ มะ อุ
อะ มะ อะ อุ อะ นะ
อุ อะ อุ มะ อุ นะ
สี่บทนี้ให้เอาเข้าทั้งสี่บทแล ?
  1. มะ นะ อะ นะ อุ นะ อะนุนะมะมะอุนะฯ บทนี้ให้บริกรรมให้เป็นคนหนุ่ม ?
  2. นะ อะ อุ อะ มะ อะ อุอะมะนะนะอะอุ ฯ บทนี้บริกรรมให้เป็นคนแก่ ?
  3. อะ มะ อุ มะ นะ มะ นะมะอะอุนะมะอะอุ ? บทนี้บริกรรมให้เป็นตัวเล็กแล ?
  4. นะ อะ อุ อะ มะ อะ มะ นะอุอะนะอะอุ ? บทนี้บริกรรมให้ตัวใหญ่แล ?
  5. นะ มะ นะ อะ นะ อุ อะอุนะมะอะอุ ? บทนี้บริกรรมให้ตัวเป็นดีแล ?
  6. อุ นะ มะ อุ อะ อุอะมะนะนะมะอะอุอะอุนะ ? บทนี้บริกรรมอึดใจคนไม่เห็น
  7. อะ นะ อะ อุ อะ มะ นะ มะอะอุมะอะอุ ? บทนี้บริกรรมให้ฝนตก
  8. มะ นะ มะ อะ มะ อุ มะนะอุอะนะมะอะอุ ? บทนี้บริกรรมหายตัว ?
  9. มะ นะ อุ อะ นะมะอะอุมะนะอุอะ ? บทนี้บริกรรมให้ฝนตก ?
อะ อุ นะ มะ อะ นะ มะ อะ อะ มะ อุ นะ
ธาตุลมไฟอาจารย์เจ้าให้พิจารณาเอา ใครไม่ได้ก็ได้แต่เป็นลมเสียเปล่าแล ?
นะมะพะทะ ? น้ำทำน้ำมนต์ ?
มะพะทะนะ ? ดินทำอยู่ยง ?
พะทะนะมะ ? ไฟทำทวนไฟ ?
ทะนะมะพะ ? ลมทำความ ?
นะมะอะอุนะมะพะทะจะพะกะสะโสสะอะนิ ? ธาตุนี้
มะนะอุอะมะนะทะพะกะสะจะพะกะสะโสนิอะ ? ธาตุดิน
อะอุนะมะพะทะนะมะ กะสะจะพะอะนิโสสะ ? ธาตุไฟ
อุนะมะอะทะพะมะนะสะจะพะกะนิอะสะโส ? ธาตุลม
สิทธิการิยะจะกระทำการใดๆ ให้รู้จักธาตุสี่จึงประเสริฐแล นะคือธาตุน้ำ มะคือธาตุดิน พะคือธาตุไฟ ทะคือธาตุลม ถ้าจะกระทำการใดๆ ก็ดี ถ้าวันอาทิตย์ วันจันทร์ ธาตุดินให้ทำที่ดิน วันพุธ วันพฤหัสบดีธาตุน้ำให้อยู่ที่น้ำ วันศุกร์ธาตุไฟให้ทำที่ป่าช้า วันเสาร์ธาตุลมให้ทำที่พระเจ้านิพพานพระวัสสาแล ?
วันอาทิตย์ให้ทำเมื่อตะวันเที่ยง วันจันทร์ให้ทำเวลาเช้ามืด วันอังคารให้ทำเวลากลางคืน วันพุธให้ทำเวลาตอนนอนหลับ วันพฤหัสบดีให้ทำเวลาเย็น วันศุกร์ให้ทำเวลาไก่ขัน วันเสาร์ให้ทำเวลาวันเที่ยงแล ?
สิทธิการิยะอุปเทสหัวใจพระกรณี หรือธาตุกระกรณี ถ้าจะให้เป็นล่องหน ให้เอาวาโยธาตุถ้าจะให้เป็นจังงังให้เอาปัฐวีธาตุ ถ้าจะให้เป็นนกยากให้เอาข้าวสารมา แล้วเสกด้วยวาโยธาตุสิบเจ็ดคาบ ถ้าจะให้เป็นงูเห่าให้เอาปลาช่อนมาหนึ่งตัว แล้วเสกด้วยวาโยธาตุสิบคาบปลุกเสกด้วยปัฐวีธาตุ แล้วใช้ได้ตามใจชอบเทอญ ถ้าจะทำเป็นต่อ แตน ให้เอาใบมะขามหรือข้าวสารเสกด้วยวาโยธาตุสิบคาบเทอญ ถ้าจะทำไม่ให้คนเห็นเราทั้งกลางวัน กลางคืน ให้เอาต้นหิ่งหายมาแกะเป็นพระคว่ำสูงหนึ่งข้อมือแล้วลงด้วยหัวใจพระกรณี จึงปลุกด้วยธาตุสี่ จนพระนั้นลุกขึ้นนั่งจึงจะใช้ได้ ให้เอาพระนั้นอมไปเถิดมิเห็นตัวเราเลย ถ้าจะสะเดาะโซ่ตรวนขื่อคา ให้บ่ายหน้าไปทิศบูรพาเมื่อเที่ยงคืนจุดธูปถวายพระแล้ว ภาวนาด้วยธาตุสี่นี้ร้อยแปดคาบเป็นที่รักแล ถ้าจะกันไฟมิให้ไหม้มาถึงบ้านเราให้เสกน้ำด้วยธาตุทั้งสี่ แล้วเอาพรหมที่บ้านเราไฟมิไหม้ได้แล ถ้าจะไปทางใดให้ภาวนา ปัฐวีธาตุเถิด ไม่มีอันตรายเลย ถ้าจะให้อำนาจแก่คนทั้งหลาย ให้เอาเขี้ยวเสือมาฝนด้วยน้ำหอม เสกด้วยวาโยธาตุสิบคาบ มีอำนาจมากแล ถ้าจะเรียกปลาอยู่ในน้ำให้มาหาเรา ให้ภาวนาปัฐวีธาตุ อาโปธาตุสิบห้าคาบมาแล ถ้าจะเรียกสัตว์ป่าให้มาหาเรา ให้ภาวนาปัฐวีธาตุอาโปธาตุร้อยแปดคาบมาแล ถ้าจะสำแดงตัวให้เป็นภูเขา ให้ยืนตัวตรงภาวนาปัฐวีธาตุสิบหกคาบเทอญ ถ้าจะเรียกน้ำให้ขุดหลุมลึกหนึ่งศอก ภาวนาด้วยอาโปธาตุสิบแปดคาบมีน้ำผุดขึ้นมาให้เรากินแล ถ้าเราอดน้ำให้ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระฤษี พระอินทร์ พระพรหม เทวดา มาช่วยภาวนาคาถาพระกรณีด้วยธาตุสี่ จะสำเร็จความปรารถนาทุกประการแล ถ้าจะบังเลื่อมให้เอากาฝากไม้ชุมแสง มาแกะเป็นรูปพระคว่ำ แล้วลงด้วยอักขระสี่นั้นแล้วปลุกด้วยธาตุสี่ จะพะนั้นลุกขึ้นนั่งเอาพระนั้นไปเทอญ ไม่มีอันตรายเลย ถ้าจะบังเลื่อมให้เอาต้นหิ่งหายที่เกิดกองฟอนผีให้เอาวันอังคารวันเสาร์ มาทำเป็นลูกประคำร้อยแปดลูกแก้วลงอักขระตัวละลูกเสกด้วยคาถาพระกรณี นั้น ร้อยแปดคาบจะไปทางไหนให้เอาลูกประคำนั้นใส่หัวคนไม่เห็นเลย?
ต่อไปเป็นบทอักขระแล
อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ กะ ขะ คะ ฆะ งะ จัส สะ ชัช ฌะ ญะ รัฐ ถะ ฑะ ฒะ ณะ ตะ ถะ ทะ ธะ นะ ปะ ผะ พะ ภะ พะ มะ ยะ ระ ละ วะ สะ ทะ ฬะ อัง ?
นะ มะ พะ ทะ นะ ? บทนี้เป็นธาตุน้ำ ?
มะ พะ ทะ นะ มะ ? บทนี้เป็นธาตุดิน ?
พะ ทะ นะ มะ พะ ? บทนี้เป็นธาตุไฟ ?
ทะ นะ มะ พะ ทะ ? บทนี้เป็นธาตุลม ?
จะ พะ กะ สะ
พะ กะ สะ จะ
กะ สะ จะ พะ
สะ จะ พะ กะ
สี่บทนี้ ธาตุไฟ
จะ สะ กะ พะ
สะ กะ พะ จะ
กะ สะ จะ พะ
สะ จะ พะ กะ
สี่บทนี้ ธาตุมา
นะสหัสสาสีสมาธิยามิ นะจิเจรุนิคัสสันติอาอัสสะโสสูรยังนิพพานัง ? บทนี้ขับธาตุแล ?
มะ ส หัส สา สีสมาธิยามิ มะจิเจรุนิ จะระติปัฐวีปัสสาโสหัตถะ ยังสีวัง ? บทนี้เรียกธาตุแล ?
พะ สะหัสสาสีสมาธิยามิพะจิเจรุนิ สะทะนะเตโชเอกัชชานัง ปะระมังยัตวา ? บทนี้ปลูกธาตุแล ?
ทะสหัสสาสีสมาธิยามิ พะจิเจรุนิ สัมพุทธนังวาโยนิพพานัง พันธะปาณะกัง ? บทนี้ผูกธาตุแล ?
นะ มะ พะ ทะ น้ำคือบิดา รูปักขันโธ ฯ ?
มะ พะ ทะ นะ ดิน คือมารดาเวทนาขันโธ ฯ ?
พะ ทะ นะ มะ ไฟ คือ จิต สัญญากขันโธ ฯ ?
ทะ นะ มะ พะ ลมคือชีวิตสังขารักขันโธ ฯ ?
จึงตั้งเป็นธาตุสี่ได้แล ?
นะ มะ พะ ทะ อนุโลม ?
มะ พะ ทะ นะ ปฏิโลม ?
พะ ทะ นะ มะ กลืนจักร์ ?
ทะ นะ มะ พะ คลายจักร์ ?
นะ มะ พะ ทะ ? ดินหนุนน้ำมีลมเป็นที่สุด ทำให้เกิดฝนต่างๆ ?
มะ ทะ นะ พะ ? ลมหนุนดินมีไฟเป็นที่สุด ทำให้เหือดแห้งหายไป ?
พะ ทะ นะ มะ ? ลมหนุนไฟมีดินเป็นที่สุด ทำให้ฉิบหาย ?
ทะ พะ มะ นะ ? ไฟหนุนลมมีน้ำเป็นที่สุด ทำให้หาย ?
น พะ มะ ทะ ? ไฟหนุนน้ำมีลมเป็นที่สุดทำให้คงทน ?
มะ ทะ พะ นะ ? ลมหนุนดินมีน้ำเป็นที่สุด ทำให้แคล้วคลาด ?
พะ มะ นะ ทะ ? ดินหนุนไฟมีลมเป็นที่สุด ทำให้มาทันใจ ?
ทะ พะ มะ นะ ? ไฟหนุนลมมีน้ำเป็นที่สุด ทำให้เป็นทันใจ ?
พะ นะ ทะ มะ ? น้ำหนุนไฟมีดินเป็นที่สุด ทำให้เป็นจังงัง ?
ทะ มะ นะ พะ ? ดินหนุนลมมีไฟเป็นที่สุด ทำให้เป็นอ่อนหวาน ?
มะ นะ ทะ พะ ? น้ำหนุนดินมีไฟเป็นที่สุด ทำให้พ้นภัยต่างๆ ?
ทะ พะ มะ นะ ? ไฟหนุนลมมีน้ำเป็นที่สุด ทำให้กลับไป ?
พระคาถาเหล่านี้ถ้าจะทำอย่างใดให้แต่งขันธ์ห้า ขันธ์แปด เสียก่อนจึงจะถูก จึงจะศักดิ์สิทธิ์แล ?
มะ อะ อุ นะ มณีโชติ อะ อุ นะ มะ ไพฑูรย์ อุ นะ มะ อะ ปัทธรรมราช นะ มะ อุ อุ วิเชียร มะ อะ อุ นะ
อะ อุ นะ มะ อุ นะ มะ อะ นะ มะ อะ อุ อุ อะ มะ นะ นะ อุ อะ มะ มะ นะ อุ อะ อะ มะ นะ อุ อะ อุ มะ นะ อุ นะ อะ มะ นะ มะ อุ อะ มะ อุ นะ อะ อะ มะ อุ นะ อุ อะ นะ มะ นะ มะ อุ อะ มะ นะ อะ อุ
บทนี้เป็น ด้วยแก้วมณีโชติแก้ไพฑูรย์ แก้วปัทธรรมราช แก้ววิเชียรแล

ต่อไปเป็นธาตุสี่แล ?
มะ อะ อุ นะ มะ พะ ทะ นะ อะ อุ นะ มะ พะ ทะ นะ มะ อุ นะ มะ อะ ทะ นะ มะ พะ นะ มะ อะ อุ นะ มะ พะ ทะ
อัสสาสะปัสสานะนิสสาสะ นะ มะ อะ อุ นะ อุ มะ อะ ?
บทนี้แก้วมณีโชติ ?
มะ อะ อุ นะ มะ นะ อะ อุ ?
บทนี้แก้วไพฑูรย์
อะ อุ นะ มะ อะ มะ อุ นะ ?
บทนี้แก้วปัทธรรมราช ?
อุ นะ มะ อะ อุ อะ มะ นะ ?
บทนี้แก้ววิเชียรแล ?
นะ มะ อะ อุ ฯ นามนิ มะ อะ อุ นะ ฯ นามมิ อะ อุ นะ มะ ฯ นามมิ อุ นะ มะ อะ ฯ นามมิ
  1. มะ อะ อุ นะ นะ อุ อะ มะ อะ อุ นะ มะ อะ อุ มะ นะ นามมิ
  2. อะ อุ นะ มะ มะ นะ อุ อะ อุ นะ มะ อะ นะ อุ อะ มะ นามมิ
  3. อะ นะ มะ อะ อะ มะ นะ อุ มะ นะ อุ อะ มะ นะ อุ อะ นามมิ
  4. นะ มะ อะ อุ อะ อุ นะ มะ อะ มะ นะ อุ อะ มะ นะ อุ นามมิ
  1. นะ มะ อะ อุ นะ นะ อุ อะ มะ นะ นะ อะ อุ มะ นะ
  2. มะ อะ อุ นะ มะ มะ นะ อุ อะ มะ มะ อุ นะ อะ มะ มะ อุ อะ นะ มะ
  3. อะ อุ นะ มะ อะ อะ มะ นะ อุ อะ อะ นะ มะ อุ อะ อะ นะ อุ มะ อะ
  4. อะ อะ มะ นะ อุ อุ อะ มะ นะ อุ อุ มะ อะ นะ อุ อุ มะ นะ อะ อุ
มะ พะ ทะ นะ กะ สะ จะ พะ ?
นะ มะ พะ ทะ พะ กะ สะ จะ ?
พะ ทะ นะ มะ สะ จะ พะ กะ ?
ทะ นะ มะ พะ จะ พะ กะ สะ ?
นะ โม พุท ธา ยะ กาโรโหติจงมาบังเกิดเป็น นะ โม พุท ธา ยะ นะ โม พุท ธา ยะ (มะ) ปัฐวีกาโรโหติ มะพะทะนะมะ นะโมพุทธายะ ?
บทนี้เรียกธาตุถ้าจะมาปลูกธาตุใดให้เรียกตามธาตุนั้นเทอญ ถ้าจะปลูกธาตุดิน ให้ขึ้นต้น มะ จะปลูกธาตุน้ำให้ขึ้นต้นด้วย นะ จะปลูกธาตุไฟให้ขึ้น พะ ธาตุลมให้ขึ้น ทะ จะปลูกธาตุใดให้ว่าตามข้างต้นนั้น เทอญ ฯ
นะ มะ อะ อุ
นะ มะ พะ ทะ
ทะ พะ มะ นะ
มะ พะ ทะ นะ
พะ มะ นะ ทะ
นะโมพุทธายยะ ?
มะ อะ อุ นะ
มะ พะ ทะ นะ
นะ ทะ มะ พะ
พะ ทะ นะ มะ
ทะ พะ มะ นะ
นะโมพุทธายยะ ?
อะ อุ นะ มะ
พะ ทะ นะ มะ
มะ นะ ทะ พะ
ทะ นะ มะ พะ
นะ ทะ พะ มะ
นะโมพุทธายยะ ?
อุ นะ มะ อะ
ทะ นะ มะ พะ
พะ มะ นะ ทะ
นะ มะ พะ ทะ
มะ นะ ทะ พะ
นะโมพุทธายะ ?
นะโมพุทธายะ ?มะปัฐวีจะเทวา จงให้มาสอนข้าพเจ้าตะถาคะมุง ถ้าข้าพเจ้าทำธาตุสิ่งใดๆ ขอให้ได้ดังใจมักนั้นเทอญ ?
นะโมพุทธายะพะเตโชจะเทวา จงให้มาสอนข้าพเจ้าตะถาคะมุง ถ้าข้าพเจ้าทำธาตุสิ่งใดๆ ขอให้ได้ดังใจมักนั้นเทอญ?
นะโมพุทธายะ (ยะ) อากาสะเทวาจงมาสอน ข้าพเจ้าตะถาคะมุง ถ้าข้าพเจ้าทำธาตุสิ่งใดๆ ขอให้ได้ดังใจมกนั้นเทอญ ?
นะ มะ อะ อุ
นะ มะ พะ ทะ จะ สะ กะ พะ
ทะ พะ มะ นะ กะ สะ จะ พะ
มะ พะ ทะ นะ สะ กะ พะ จะ
พะ มะ นะ ทะ พะ จะ สะ กะ
นะโมพุทธายะ
มะ อะ อุ นะ
มะ พะ ทะ นะ สะ จะ กะ พะ
นะ ทะ พะ มะ กะ พะ จะ สะ
พะ ทะ นะ มะ สะ จะ พะ กะ
ทะ พะ มะ นะ จะ สะ กะ พะ
นะโมพุทธายะ
อะ อุ นะ มะ
พะ ทะ นะ มะ สะ จะ กะ พะ
มะ นะ ทะ พะ กะ พะ จะ สะ
นะ ทะ พะ มะ จะ พะ กะ สะ
มะ นะ ทะ พะ พะ จะ สะ กะ
นะโมพุทธายะ
อุ นะ มะ อะ
ทะ นะ มะ พะ จะ พะ กะ สะ
พะ มะ นะ ทะ สะ กะ พะ จะ
นะ มะ พะ ทะ ทะ กะ สะ จะ
มะ นะ ทะ พะ กะ พะ จะ สะ
นะโมพุทธายะ
มะ มะ อุ นะ
นะ อุ อะ มะ
อะ อุ นะ มะ
อุ อะ มะ นะ
นะ มะ อะ อุ นะโมพุทธายะ ?
บทนี้ชื่อว่า แก้วมณีโชติ จะรักษาคน ให้นั่งสมาธิภาวนาสามทีหรือเจ็ดที แล้วเป่า แต่หัวลงไปถึงตีนเทอญ
อะ อุ นะ มะ
อะ มะ นะ อุ
นะ มะ อะ อุ
นะ มะ อะ อุ
มะ นะ อุ อะ
อะ อุ มะ นะ อะ นะโมพุทธายะ ?
บทนี้ชื่อว่าแก้วไพฑูรย์ จะรักษาคน ให้นั่งสมาธิ สวดยี่สิบเอ็ดที เป่าแต่หน้าอกลงไปถึงตีนเทอญ
นะ มะ อะ อุ
อุ อะ มะ นะ
มะ อะ อุ นะ
อะ มะ นะ อุ
อุ นะ มะ อะ อุ นะโมพุทธายะ ?
บทนี้ชื่อว่า แก้วปัทธรรมราช จะรักษาคน ให้นั่งสมาธิสวดสี่ทีเป่าแต่สะดือลงไปถึงตีนเทอญ
นะ มะ อะ อุ
อะ อะ มะ นะ
มะ อะ อุ นะ
อะ มะ นะ อุ
อะ อุ มะ นะ นะโมพุทธายยะ ?
บทนี้ชื่อว่า แก้ววิเชียร ให้ทำน้ำมนต์ เป่าก็ได้ทุกอย่าง ?
มะ อะ อุ นะ นะ อุ อะ มะ อะ อุนะ มะ อุ อะ มะ นะ
อุ นะ อะ มะ
มะ พะ ทะ นะ นะ ทะ พะ มะ พะ ทะ นะ มะ ทะ พะ มะ นะ
นามมิ นะโมพุทธายยะ ?
อะ อุ นะ มะ มะ นะ อุ อะ อุ นะ มะ อะ นะ อุ อะ มะ
นะ มะ อุ อะ
พะ ทะ นะ มะ มะ นะ ทะ พะ ทะ นะ มะ พะ นะ ทะ พะ มะ
นามมิ นะโมพุทธายยะ ?
อะ อุ นะ มะ อะ มะ นะ อุ นะ มะ อะ อุ มะ นะ อุ อะ
มะ อะ นะ อุ
ทะ นะ มะ พะ พะ มะ นะ ทะ นะ มะ พะ ทะ มะ นะ ทะ มะ
นามมิ นะโมพุทธายยะ?
อาโปกสินังปัฐวีกสินังเตโชกสินังวาโยกสินัง ให้ว่าสามทีแล้วจึงว่าพุทธัง ธรรมมัง สังฆัง สามที แล้วจึงว่ารูปักขันโธ เวทนาปักขันโธ สัญญากขันโธ สังขารักขันโธ สามที ?
นะมะอะอุมะอะอุนะ อะอุนะมะอุนะมะอะ
นะมะพะทะมะพะทะนะพะทะนะมะทะนะมะพะ ?
ให้เดินจงกรมยาวเจ็ดวาแต่งขันธ์ครู ขันธ์ห้า ขันธ์แปด ขันธ์สิบ เทียนเล่มบาทสองคู่ หนักสิบบาทสี่คู่ บายศรีหนึ่งคู่ จอกน้ำหอมสองจอกกรวยข้างละแปดคู่แต่งแล้วจึงทำวัตร ไปถึง อิติปิโส สวากขาโต สุปฏิปัญโณ จนจบแล้วจึงว่าต่อพุทธังธรรมมังสังฆังสระนังคัสฉามิ ทุติจนจบจึงว่าบทนี้ต่อไป คุณพระพุทธเจ้ามีห้าสิบหกพระองค์ ชีวิตของข้าพเจ้าบัดนี้ขอถวายแก่พระพุทธเจ้า ตราบต่อเท้าเข้าสู่พระนิพพานขออย่าให้มีมารอันร้ายมาผจญ บังเบียดด้วย เตชะคุณ พระพุทธเจ้าขอให้ข้าพเจ้าได้มาบังเกิดในดวงแก้ว ที่ข้ามักนั้นเทอญ พุทธอยู่หัว ธัมโมอยู่หลัง สังโฆอยู่หน้า ข้าพเจ้าอยู่กลาง พระบางอยู่เกล้า พระเจ้าอยู่หัว แล้วจึงกราบลงว่าพุทธบูชา ธรรมบูชา สามทีเทอญ ?
นะ มะ อะ อุ อยู่หัว แก้ว มณีโชติ มะ อะ อุ นะ อยู่อก แก้วไพฑูรย์ อะ อุ นะ มะ อยู่หน้า แก้วปัทธรรมราช อุ นะ มะ อะ อยู่กลังแก้ววิเชียร
สาธุฯ อุกาสะฯ ข้าพเจ้าขออาราธนา อัญเชิญเอา คุณพระพุทธเจ้า ได้มาตั้งอยู่หัวแห่งข้าพเจ้าขอให้มีจิตเลื่อมใสใธรรมของพระพุทธเจ้าก็ข้าเทอญ ฯ
อระหังข้าพเจ้าขอเอาแก้วมณีโชติ เป็นของพระยาจักรเจ้ารักษาไว้ในป่าหิมพานต์ ขอจงเสด็จเข้ามาตั้งอยู่ในหัวแห่งข้าพเจ้าในกาลบัดนี้เทอญ ฯ
อระหังข้าพเจ้า ขออารธนาเอาแก้วไพฑูรย์ อันเป็นของพระยากัณฑยักษ์เจ้ารักษาไว้ในถ้ำคูหา ขอให้มาตั้งอยู่หัวอกแห่งข้าพเจ้าในกาลบัดนี้เทอญ ฯ
อระหังข้าพเจ้าขออาราธนาเอาแก้วปัทธรรมราช สีเขียวอันเป็นดวงกว่าแก้วในชมภู ขอให้เสด็จเข้ามาตั้งอยู่ปากแห่งข้าพเจ้า ตราบต่อเท้าข้าพเจ้าแจ้งในพระนวโลกุตระธรรม เจ้าขอให้มีจิตกว้างขวางในขันธ์ทั้งห้าก็ข้าเทอญ ฯ
อระหังข้าพเจ้าขออาราธนาเอาแก้ววิเชียร อันเป็นดวงประเสริฐที่พระยาดารักษาไว้ชั้นบน ของจงเสด็จมาตั้งอยู่หลังแห่งข้าพเจ้าในกาละบัดนี้เทอญ ฯ
อุกาสะอระหังวัทามิ ข้าพเจ้าขอน้อมดวงจิต ต่อพระไตรสะระณะคมเจ้าทั้งสามประการ ขอจงเสด็จมาเป็นที่พึ่งพร้อมทุกสิ่งทุกอย่างในเนื้อกาย ขอถวายแก่พระพุทธเจ้า ขอถวายแก่พระธรรมเจ้า ขอถวายแก่พระสังฆเจ้า พร้อมทุกสิ่งทุกอย่างก็ข้าเทอญ
มะ นะ อุ นะ เดิน แก้วมณีโชติ อยู่หัว อะ มะ นะ อะ ไปทางน้ำ แก้วไพฑูรย์ อยู่อกสีเหลือง อุ อะ นะ มะ โปรดสัตว์ แก้ววิเชียร อยู่หลังแสงไฟ นะ อุ มะ อะ อยู่กับที่ แก้วปัทธรรมราช สีเขียว
มะ นะ อะ นะ อุ นะ ?
นะ นัง นัง มัง มัง อะ อุ อะ นะ อุ นะ ?
นะ มะ อะ มะ อุ อะ อะ มะ มะ นะ นะ ?
นะ อะ มะ อะ อุ อัพ ภะ อะ คะ ?
นะ มะ อะ มะ อุ มะ อิ อี ?
มะ อะ นะ อุ อะ เอ อะ โอ ?
อะ นะ มะ อุ ยะ กะ จะ พะ สะ อุ โอ ?
มะ มะ นะ กะ นะ จะ อะ ถะ อะ คะ อิ อุ นะ ?
บทนี้เชื่อว่าแก้วแปดดวงบุคคลผู้ใดมีบุญวาสนา รู้แล้วใช้ได้พันช่องแลท่านเอย ?
มะ อะ อุ นะ ? บทนี้ภาวนาเสื้อเมืองรักษา ยี่สิบแปดพระองค์แล ?
อะ อุ นะ มะ อุ ? บทนี้ภาวนาทุกคืน เทวดาอากาศรักษาเราสามสิบแปดพระองค์แล ?
อุ อะ มะ นะ ? บทนี้ภาวนาทุกวัน เทวดาแสดงตัวให้เห็น สามสิบแปดพระองค์แล ?
นะ อะ อุ มะ ? บทนี้ภาวนาทุกคืนอารักขาเทวดามาสู่เรา สามสิบพระองค์แล ?
พระคาถาดวงแก้วนี้ ทั้งปวงนี้ให้นั่งสมาธินึกเอาแต่ในดวงแก้ว ทั้งสองบทนี้ถ้าจะปรารถนาอยากให้เป็นสิ่งอันใด ให้นั่งสมาธินึกเอาแต่ในดวงจิตก็จักเป็นดังความปรารถนาทุกประการแล บุคคลผู้ใดมีบุญจึงได้พบแล กุลบุตรเจ้าทั้งหลายจักปรารถนาเรียนเอา พระคาถานี้ให้รำพึงถึงคุณพระพุทธเจ้า คุณพระอรหันตาโพนสะเม็ก แล้วนั่งสมาธิ อยู่บ้านภาวนาเจ็ดที อยู่ห่อมห้วยภูเขาเก้าที อยู่ป่าสิบห้าที ไปหาท้าวพระยาเดินประเทศแปดที่บริกรรมอย่าขาดปากเทอญ จิตนึกถึงสิ่งใดก็จักได้ดังใจมักแล แก้วสี่ลูกนี้จักเดินให้ขึ้นแต่ “มะ” จักลงน้ำให้ว่าออกแต่ “อะ” จักโปรดสัตว์ให้ว่าหมดนั้นเทอญ จักอดข้าวให้เอาแก้วแปดดวงนี้ พึงแก้เอาตามปริศนาธรรมนั้นเทอญ ผู้มีปัญญามากให้พิจารณาเอาแก้วมณีโชติอยู่หัว แก้วไพฑูรย์อยู่อก แก้ววิเชียรอยู่หลัง แก้วปัทธรรมราชอยู่ปาก จักทำการสิ่งใดๆ ก็ดีให้เอาจักเกิดโพยภัยพายุใดๆ ก็ดีวุฒิมาก ถ้าเขาจะจับเราให้เอา แก้วปัทธรรมราช กับแก้วไพฑูรย์เข้าหาตัวเรา แล้วนั่งอยู่คนทั้งหลายไม่เห็นตัวเราเลย จะกันข้าศึกศรัตรูหน้าไม้โมคสินให้เอาคมเพชรสี่ดวงนั้นกำหราบอยู่ สิทธิ์พระเจ้าอย่าได้ขาดปากเทอญ สิ่งทั้งปวงนี้ชื่อว่า แก้วแปดดวงแล เว้นไว้แต่อายุขัย อุปเทศจบพระคาถาดวงแก้วเท่านี้แล ฯ
นะ มะ อะ อุ อุ อะ มะ นะ นะ มะ นะ อะ นะ อุ นะ มะ มะ นะ ?
นะ อะ อะ นะ อุ อุ นะ อะ นะ อุ นะ มะ นะ อุ มะ นะ อุ ?
อะ นะ นะ มะ มะ นะ นะ อะ อะ นะ นะ อุ อุ นะ อะ อุ มะ ?
นะ อุ มะ นะ อุ อะ นะ มะ อุ อะ นะ มะ อะ นะ อะ มะ นะ อุ มะ อุ ?
อุ นะ ?
บทนี้ยอดธรรมทั้งปวงแลใช้ได้เหมือนใจ ?

ต่อไปเป็นตัวลงแล ?
1 นะ มะ อะ อุ ?
1 มะ อุ อะ นะ ?
2 อุ อะ มะ นะ ?
2 อะ มะ อุ นะ ?
3 นะ มะ นะ อะ นะ อุ ?
3 มะ อะ นะ อะ มะ นะ ?
4 นะ มะ มะ นะ นะ อะ อะ นะ นะ อุ อุ นะ ?
4 อุ มะ อุ อะ อะ มะ ?
1 อะ นะ อุ นะ มะ นะ ?
1 นะ อะ มะ อุ ?
2 มะ อะ อุ นะ ?
2 มะ อะ อุ นะ ?
3 อะ มะ นะ อุ อะ นะ ?
นะมะอะอุนะมะมะนะนะอะอะนะนะอุอุนะ ?
บทนี้เสกน้ำส้มป่อยเป่าผิวคนไข้ใช้ได้พันช่องแล ?
มะอะอุนะมะนะนะมะมะอะอะมะมะอุอุมะ ?
บทนี้ภาวนาหาอันเปรียบมิได้แล ?
อุนะมะอะอะนะนะอุอุมะมะอุอุอะอะอุ ?
บทนี้เสกน้ำต่อกระดูกประสานแผลได้ทุกอย่างแล ?
มะมะสุปะมะมะ ?
บทนี้กันไข้ป่าแล ?
เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ?
บทนี้เสกใบเม้ากินเป็นอาหารแล ?
ปะอิพุทธสังอิ ?
บทนี้เสกน้ำกินไม่หิวคุ้มได้หนึ่งวัน ?
นะ มะ อะ นะ อุ นะ
มะ อะ อุ อะ มะ อะ
สองบทนี้เขาจับเรา บริกรรมอย่าได้ขาดหายตัวหนีได้แล ?
1 มะ นะ อะ นะ อุ นะ ?
2 นะ นะ นัง นัง มัง มัง อะ อุ อะ นะ อุ อะ นะ อะ อุ นะ ?
3 นะ มะ อะ อุ อะ อะ มะ มะ นะ นะ ?
4 นะ อะ มะ อะ พะ อัง คะ ?
5 นะ มะ อะ มะ อุ มะ อิ มะ อี อะ ?
6 อะ มะ นะ อะ อุ อะ เอ อะ โอ ?
7 อะ นะ มะ อุ ยะ กะ จะ สะ อุ โอ มะ มะ ?
8 นะ กะ นะ ขะ อะ งะ อะ ฆะ อี อุ เอ ?
บทนี้ชื่อว่าแก้วแปดดวงประเสริฐกว่าชมภูทวีป ใช้ได้ทุกอย่างให้พิจารณาเอาเทอญ ฯ
นะ มะ อะ อุ
อะ มะ นะ อุ
สองบทนี้หายตัว
นะ มะ อะ อุ
มะ นะ อุ อะ
สองบทนี้ห้ามมิให้ฝนตก
มะ นะ อุ อะ
มะ อะ อุ อะ นะ อะ
สองบทนี้กันโพยภัยแล
อะ อุ นะ มะมะ นะ มะ มะ นะ อุ อะ ?
บริกรรมให้เป็นคนหนุ่ม
อุ อะ มะ นะ นะ มะ อุ นะ ?
บริกรรมให้เป็นคนแก่ ?
นะ มะ อะ อุ นะ มะ อุ อะ ?
บริกรรมให้ตัวเล็ก ?
มะ นะ อุ อะ นะ มะ อะ อุ ?
บริกรรมให้ตัวใหญ่ ?
อุ มะ นะ อะ นะ มะ อะ อุ อะ อุ นะ มะ มะ อุ อะ ?
บทนี้บริกรรมไป คนไม่เห็น ?
นะ อุ นะ มะ อะ อุ นะ มะ อะ อุ นะ มะ มะ นะ อุ อะ ?
บทนี้บริกรรมไป คนไม่เห็น ?
นะ มะ อุ อะ นะ มะ อะ อุ ?
บทนี้บริกรรมหายตัว ?
สุสุละละทาทาโรโรอัสสะโสโสโนโน นะโมพุทธายะนะ มะอะอุอุมะยัดทา พูมโมอุถุระราลาบปะผากะระลา
บทนี้ภาวนาตายไม่เน่าแล ?
สัพพะถะปัตตังปุรัง ?
บทนี้ภาวนาเห็นโรงผี ?
อะชิตังปัตตังปุรัง ?
บทนี้ภาวนาเห็นตัวผี ?
ธิสัตตะปัตตังปุรัง ?
บทนี้ภาวนาเห็นถ่านไฟ แล?
สัพพะการังขากาหิงหึงกาโรกาวิธู ?
บทนี้ภาวนากลั้นเอาใจฟันกลางลงดินเทอญ ?
ต่อไปเป็นบทภาวนาอธิษฐานจิตแล
อุนะมะอะทาตุสันติโสนะสันตินัง โสนะคะชะติรัทธะสัมปัญโณมะพะยะละละละชะมะปะปะปะอุคะวะวะวะ นะวะสันทะปะสะคะนะติอัตตะสัมปะทา อุคะรัตนะอุนะตะตะโยโณโหตุ โกยะทะนะสะระรัตนังอุอุนะนะนะมะอะอะพะวะอะอุนะ ติปัสานะนังปิสัมระโรโหมิ ?
ให้ภาวนาทุกคืนก่อนนอนคืนละร้อยแปดจบเทอญ ?

ต่อไปเป็นบทภาวนา ตัดเหล็กไหลแล ?
ชะ ค มะ มะ มะ อุ อุ อุ อุ อุ ตะ ตะ ตะ ตะ ยะ มะ ตัส สะ อะ อุ อิอิระนันตัสสะอุตะวะวะวะ นะมะนังนังนังทาตุจิตตัง ?
ภาวนาตัดเหล็กไหล ?
มะชะวะวะวะมะมะมะ ละละละอุดิอุ ?
ภาวนาย่นแผ่นดินแล ให้ภาวนาร้อยแปดทีแล้วจึงไปเทอญ ? มิ ละ วะ นะ นะ นะ ยะ นะ ปะ พะ อิ อุ อุ อุ ?
ภาวนาร้อยเจ็ดทีอดอาหารได้เจ็ดวัน ?
พะละพะพะพุตะพะคะมะคุตุตุ ?
ภาวนาร้อยแปดคาบลากภูเขามาใกล้
ปิปะละละพะมะสะ ?
บทนี้เสกใบไม้เป็นอาหารร้อยเจ็ดทีแล ?
คะมะนุอุนะระชะพะปะนะมิเออุมุนะ ?
บทนี้สาตเพทภาวนาร้อยแปดทีป้องกันอันตรายทุกอย่างแล ?
อุอะจะอะเออุตุตะปะระมะชะตาชะคะมะ ?
บทนี้สาตสินธุ์ภาวนาร้อยเจ็ดคาบป้องกันตัว ?
นะคัดโมถอนพุทธเคลื่อนทานาถอน ค่ายป่ายขวานะโมพุทธายะถอดถอนพุทธะถอน ?
บทนี้ถอดถอนคนถูกกระทำ เสกเจ็ดทีเป่า ?
อะวะคะยะมะนะมิอุอะชะมะวะวะ ?
อะวะคะยะมะนะมิอุอะชะมะวะวะ ?
บทนี้บังหลวงป้องกันได้แสนคน ?
อะทาธรรมะสังฆัสสะอะนันตะพะจะนะคะรัสนังเทวะสันติโน เพทะนังอะหังโหมิ ?
บทนี้พระคาถาลงใต้บาดาล ให้ภาวนาร้อยแปดคาบเทอญ ?
ปะอิอะพะระทะทะ ?
ภาวนาแปลงรูปร้อยแปดที แล ?
ชะพะนะนังอัดสัมปัตติฐถามิ ?
ภาวนาปั้นเหล็กให้เป็นน้ำ ?
นะอิวะกะอิอะชะนังนัง ?
ภาวนาร้อยเจ็ดทีมีหูทิพย์ ตาทิพย์แล ?
จิตตะมะมะจิตตะมะมิ นะทะนังจิตตังสังฆังจิตตังอิมมะนังนัง ?
พระคาถาเรียกดวงจิตเจ็ดที ?
อัคคะยะนังกะระยันตังอุอะนะอุปะปะปะ ?
ภาวนาร้อยแปดคาบหายตัวได้ ?

บทต่อไปเป็นบทตั้งธาตุ หนุนธาตุ
นะเอหิปฐวีพรหมมาธาตุ โมเอหิอาโปอินทราธาตุ พุทเอหิเตโชนารายะธาตุ ? ธาเอหิวาโยอิสราธาตุยะเอหิเมตตัยโยธาตุ ? ปัญจะพุทธานะมามิหัง ?
ให้ได้สามสิบจบเทอญ ?
นะอิเพชคงอระหังทุคคะโตภควาติ นะโมพุทธะสังอระหังสุคคะโตภควาติ ?
พุทปิอัสวาสุอพรหังสุคคะโตภควาติ ทาโสมะอะอุอระหังสุคคะโตภควาติ ?
ยะพะอุอะมะอระหังสุคคะโตภควาติ ?
เมื่อตั้งแม่ธาตุใหญ่ทั้งสองบทนี้ได้แล้ว ครบบทละสามสิบจนให้ว่าพระคาถาพระกรณี กำกับไว้ห้าคาบเทอญ แล้วจึงผูกด้วยวัตว์สามจบอีก ?

ต่อไปเป็นบทตั้งธาตุสี่
นะโมพุทธายะ มะ พะ ทะ นะ พะ กะ สะ จะ ฯ ให้ได้ 4 คาบ ?
นะโมพุทธายะ มะ พะ ทะ นะ พะ กะ สะ จะ ฯ ให้ได้ 4 คาบ ?
นะโมพุทธายะ พะ ทะ นะ มะ กะ สะ จะ พะ ฯ ให้ได้ 4 คาบ ?
นะโมพุทธายะ ทะ นะ มะ พะ สะ จะ พะ กะ ฯ ให้ได้ 4 คาบ ?

ต่อไปเป็นบทตั้งและบทหนุน
นะโมพุทธายะ มะ พะ ทะ นะ พะ กะ สะ จะ ? ให้ได้ 4 คาบ
มะ อะ อุ นะ ? ให้ได้ 32 คาบ
นะโมพุทธายะ มะ พะ ทะ นะ พะ กะ สะ จะ ? ให้ได้ 4 คาบ
นะ อะ อุ มะ ? ให้ได้ 32 คาบ
นะโมพุทธษยะ พะ ทะ นะ มะ กะ สะ จะ พะ ? ให้ได้ 4 คาบ นะ มะ อุ อะ ? ให้ได้ 32 คาบ
นะโมพุทธายะ ทะ นะ มะ พะ สะ จะ พะ กะ ? ให้ได้ 4 คาบ
นะ มะ อะ อุ ? ให้ได้ 32 คาบ

ต่อไปเป็นบทหนุนธาตุ อย่างย่อมหาไว
นะ มะ พะ ทะ จะ พะ กะ สะ ?
มะ พะ ทะ นะ พะ กะ สะ จะ ?
พะ ทะ นะ มะ กะ สะ จะ พะ ?
ทะ นะ มะ พะ สะ จะ พะ กะ ?
ให้นั่งสมาธิบริกรรมจนเกิดอุคคัหะนิมิตร ร้อยแปดคาบ ?

ต่อไปเป็นบทรวมธาตุ
มะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ นะมะมะนะ นะอะอะนะ นะอุอุนะ ?
นะโมพุทธายะ มะพะทะนะพะกะสะจะ มะนะนะมะ มะอะอะมะมะอุอุมะ ?
นะโมพุทธายะ พะทะนะมะกะสะจะพะ อะนะนะอะ อะมะมะอะอะอุอุอะ ?
นะโมพุทธายะ ทะนะมะพะสะจะพะกะ อุนะอุ อุมะมะอุ อุอะอะอุ ?
พุทธะสังมิ ปาสุอุชา อะระหังสัมมาสัมพุทธโธ นะโมพุทธายะ นะมะนะอะ นอกอนะกะ กอออนออะ นะอะกะอัง อุมิอะมิ มะหิสุตัง สุนะพุทธํง อะนุนะอะ อะสังวิสุโรปุสะภุพะสังวิทปุกะยะปะทิมะสังอังขุ มะอะอุอุอะมะ อิสวาสุ สุสวาอิ นาสังสิโม สังสิโมนา สิโมนาสัง โมนาสังสิ ?
ภาวนาตั้งละร้อยแปดจบเทอญ ฯ